ลูกจะเริ่มพูดเมื่อไหร่ ?? คุณพ่อคุณแม่โดยส่วนใหญ่แล้วมักให้ความกังวลเกี่ยวกับลูกน้อยไปเสียทุกเรื่อง ยิ่งถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยแล้วละก็ความกังวลนี้อาจมีหลายเท่าตัวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่าลูกน้อยนั้นจะสามารถพูดได้เมื่อไร เดินได้ตอนไหน และอะไรอื่น ๆ อีกมากมายวันนี้เราจะมาชี้แนะทำความเข้าใจกันเพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่นั้นหายกังวลเกี่ยวกับปัญหาของลูกน้อยดังนี้
ลูกจะเริ่มพูดเมื่อไหร่ ??
พัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กนั้นจะเริ่มขึ้นตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่เด็กนั้นส่งเสียงร้องไห้ครั้งแรก หลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือนก็จะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ ซึ่งก็จะเหมือนกับการพูดคุยกับพ่อแม่ และจะมีการพัฒนาการเรื่อยมาจนถึงประมาณ 5-6 เดือนลูกน้อยจะเริ่มเล่นน้ำลายเป่าปาก ส่งเสียงจากลำคอ ในที่สุดก็จะเริ่มพัฒนามาเป็นคำพูดที่มีความหมาย โดยมากจะเริ่มตั้งแต่ 10-15 เดือน หรือเฉลี่ยประมาณ 1 ขวบ ลูกน้อยก็จะพูดเป็นคำที่มีความหมาย ซึ่งจะได้รับแรงกระตุ้นให้พูดจากพ่อแม่ ในที่สุดก็จะมีคำศัพท์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบจะเริ่มพูดคำที่มีความหมายสองคำติดกัน เป็นวลีสั้น ๆ เช่น ไม่เอา ไปไหน และจะเพิ่มมากขึ้นเป็นประโยคยาว ๆ เมื่ออายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ
จะทราบได้อย่างไรว่าลูกผิดปกติเกี่ยวกับการพูด
โดยทั่วไปแล้วหากลูกอายุ 2 ขวบแล้วยังพูดคำที่มีความหมายไมได้เลย หรือพูดได้เพียงคำศัพท์แบบคำเดียว สื่อสารกับคนอื่น ๆ ไม่ได้ ก็จะถือว่าผิดปกติแน่นอน ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่สังเกตุเห็นถึงพัฒนาการทางภาษาไม่เป็นไปตามปกติหรือไม่เหมือนเด็กอื่น ๆ ก็ควรที่จะไปปรึกษาแพทย์ นอกจากการสังเกตุว่าสามารถพูดสื่อสารได้หรือไม่ เราควรดูการพูดหรือสั่งของลูกว่าเข้าใจหรือไม่ สามารถทำตามคำสั่งได้หรือไม่ ซึ่งเด็กอายุ 1 ขวบนั้นสามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้และสามารถเข้าใจได้ว่าพ่อแม่พูดว่าอะไร ลูกสนใจหรือไม่เรียกชื่อแล้วหันมารับทราบหรือตอบรับหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถนำมาประกอบเพื่อดูว่าลูกผิดปกติในเรื่องพัฒนาการทางภาษาซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ทางคือ การพูด และการรับฟัง เพราะทั้งสองอย่างนี้จะต้องพัฒนาควบคู่กันไป
ถ้าลูกพูดช้าเกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุใหญ่ที่สามารถพบได้บ่อยเกี่ยวกับพัฒนาการพูดของลูกน้อยนั้นจะต้องปฏิสัมพันธ์กันระหว่างคนฟังกับคนพูดดังนั้น ถ้าการได้ยินไม่ดีมีการได้ยินบกพร่อง ก็จะส่งผลให้เด็กพูดได้ช้าสาเหตุคือ
- มีความผิดปกติของหู ไม่ได้ยิน หูดับ หูหนวก
- มีพัฒนาการข้าทุกด้าน หรือภาวะปัญญาอ่อน
- ภาวะออทิสติก มีความบกพร่องในเรื่องการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารกับผู้อื่น ทางการพูด มักจะสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด เช่น ใช้ท่าทาง การสบตา จะส่งผลเสียในด้านสังคมไปด้วย
- ประวัติครอบครัวมีญาติเคยพูดช้า เรียกว่าความบกพร่องเฉพาะด้าน เฉพาะการพูดเพียงอย่างเดียว พอเริ่มพูดได้ก็จะสามารถพูดคุยสื่อสารได้เป็นปกติ
- พูดช้าเนื่องจากขาดการกระตุ้นที่เหมาะสม เช่น พ่อไม่มีเวลา มักเปิดโทรศัพท์ให้ลูกเล่น หรือดู แต่ไม่มีติดต่อสื่อสารโต้ตอบ จะเห็นเป็นการสื่อสารอย่างเดียว ทำให้พัฒนาการทางภาษาของลูกหยุดชะงัก
แล้วเมื่อใดควรพาลูกไปพบแพทย์
เมื่อใดก็ตามที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติ หรือมีข้อสงสัยในความผิดปกติ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์ หรือ ถ้าอายุประมาณ 2 ขวบแล้วยังไม่สามารถพูดได้เป็นคำ ๆ หรือพูดได้คำเดียวก็ควรพาไปพบแพทย์ นอกจากจะพาลูกไปพบกุมารแพทย์เพื่อทำการประเมินในเรื่องของพัฒนาการทั่วไปของลูกแล้ว ถ้ามีข้อสงสัยพ่อและแม่ควรจะให้มีการตรวจการได้ยินเป็นอันดับแรก เพื่อให้แน่ใจว่าการได้ยินของลูกนั้นชัดเจน เพื่อให้ให้แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่จะค้นหาสาเหตุต่อไป เช่น ถ้ามาจากสาเหตุของการกระตุ้น การรักษาที่ดีที่สุดก็คือ พ่อแม่จะต้องมีเวลาให้กับลูกมากขึ้นในการเล่น พูดคุย โดยทั่วไปแล้วลูกมักจะตอบสนองได้ดีและสามารถกลับมาพูดเป็นปกติได้ในเวลาที่รวดเร็ว แต่หากว่าลูกยังไม่สามารถพูดได้ก็อาจจำเป็นต้องพาลูกเข้าสู่โปรแกรมการบำบัดโดยนักบำบัดเพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกพูดได้ดีขึ้น และเร็วขึ้น ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากหรือน้อยก็อยู่ที่พัฒนาการรับรู้ของลูกว่าจะทำได้เร็วมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าพ่อและแม่นั้นก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถกระตุ้นให้ลูกพูดได้ดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่แรกเกิดของลูกแล้ว
อย่างไรก็ตามพัฒนาการของลูกนั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ภายในครอบครัวด้วย เช่น พ่อและแม่เป็นคนพูดน้อย หรือไม่ค่อยพูดก็อาจส่งผลให้ลูกพูดช้าได้เช่นกัน หรือคนในครอบครัวมุ่งมั่นทำงานจนไม่มีเวลาดูแลก็อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้ ดังนั้นการวางแผนที่ดีและการให้เวลากับลูกในช่วงวัยที่ต้องฝึกทักษะในการพูดสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ลูกสามารถพูดได้เร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ลูกสามารถสื่อสารถึงความต้องการได้ว่าต้องการอะไร เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นกับตนเอง เช่น หิวข้าว อยากกินนม รอด้วย ปวดท้อง ปวดฉี่ หรือ อาบน้ำ ซึ่งการสื่อสารเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่จะทำให้พ่อและแม่นั้นฝึกสอนลูกได้ สำหรับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..