บ้านไหนที่มีลูกน้อยอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 12 ปีนั้นจะต้องมีแผนการรับมือกับอาการปวดฟันกันแทบทุกบ้าน โดยเฉพาะกับลูกน้อยที่ยังบอกไม่ได้ว่าเจ็บปวดหรือมีอาการอย่างไร ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตุความผิดปกติของลูกได้ โดยอาการปวดฟันแต่ละระดับจะมีวิธีการรับมือดังต่อไปนี้
วิธีรับมือ เมื่อลูกปวดไม่รุนแรง
อาการปวดฟันที่ไม่รุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้กับลูกน้อยแทบทุกคน โดยอาการจะปรากฎเป็นช่วงๆ ไม่ได้เป็นตลอด จะไม่มีอาการบวมหรือเสียวฟันมากจนเกินไป สาเหตุหลักอาจเกิดจากการกินอาหารแล้วเศษอาหารเข้าไปติดตามซอกฟัน หรือเวลาเคี้ยวอะไรนานเกินไปส่งผลให้ปวดเมื่อยในช่องปากเท่านั้น วิธีการจัดการดังนี้
1. สอนให้ลูกน้อยแปรงฟันให้สะอาด หลังอาหารทุกมื้อ
2. ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดแรงๆ
3. คุณแม่อาจจัดการด้วยวิธีการมองหาเศษอาหารแล้วใช้ไหมขัดฟันขัดเศษอาหารเหล่านั้นออก
วิธีรับมือ เมื่อลูกปวดนานไม่หายสักที
กรณีที่ลูกน้อยมีอาการปวดฟันแบบเรื้อรัง ทำอย่างไรก็ไม่หายสักทีปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้แล้วจะต้องรีบจัดการเพราะสิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงอาการเหงือกอักเสยเบื้องต้น หรือฟันมีปัญหา สามารถทำการแก้ไขได้ดังนี้
1. ให้ลูกน้อยทานยาแก้อักเสบ แต่คุณแม่จะต้องมั่นใจและได้รับการยืนยันจากเภสัชก่อนว่าลูกน้อยสามารถทานได้
2. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อชำระคราบหรือเศษอาหาร
3. งดอาหารที่เคี้ยวยาก แข็ง เหนียวไปก่อนในช่วงนี้
4. หลีกเลี่ยงขนมหวาน หรือของหวานทุกชนิด ยิ่งกินยิ่งเจ็บ
วิธีรับมือ เมื่อมีอาการบวม อักเสบด้วย
ถ้าคุณแม่สังเกตุเห็นว่าลูกน้อยมีอาการอื่นๆ นอกจากการเจ็บปวดอย่างเช่นแก้มบวม ตามบวม หรือแหตุการณืที่ทำให้ฟันแตกหรือหัก จะต้องรีบพาหาคุณหมอทันที จะได้รีบตรวจรักษาได้อย่างละเอียด สำหรับอาการปวดบวม หรือหักที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งตอนนี้ภายในบ้านเมืองเรามากมายไปด้วยโรคร้ายอย่างโควิด-19 คุณแม่และลูกน้อยจะต้องมีการดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษจะต้องปฎิบัติดังต่อไปนี้
1. ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาจะต้องมีการติดต่อล่วงหน้า โดยทางโรงพยาบาลจะมีการสอบถาม ซักประวัติและแจ้งกำหนดการนัดหมาย
2. ในขณะนี่เข้ารับการรักษานั้นคุณแม่และเจ้าตัวเล็กจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
3. ร่ายกายต้องมีอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียสจึงจะสามารถเข้ารับการรักษาได้
4. หลีกเลี่ยงการจับหรือสัมผัสตัวจากผู้อื่น
5. บ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนลงมือทำฟัน กรณีที่มีการแพ้ยาจะต้องแจ้งให้คุณหมอทราบทุกครั้ง
คำแนะนำการดูแลฟันของลูก
การดูแลช่องปากของลูกน้อยในวัยแรกเกิด
ช่วงที่ลูกน้อยยังไม่มีฟัน คุณแม่สามารถทำความสะอาดช่องปากด้วยวิธีการเอาผ้าสะอาดนุ่มๆ จุ่มน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดบริเวณช่องปากและเหงือกของลูกน้อยเบาๆ หลังดูดนม ให้เน้นบริเวณกระพุ้งแก้มและลิ้น แต่ทั้งนี้คุณแม่เองจะต้องมั่นใจด้วยว่าผ้าที่ใช้นั้นสะอาดจริงและเหมาะสมกับช่องปากของเจ้าตัวเล็ก
การดูแลช่องปากของลูกน้อยในวัย 6 เดือนก่อนฟันน้ำนมจะขึ้น
ก่อนที่ฟันน้ำนมจะขึ้นแนะนำให้คุณแม่พาลูกน้อยไปพบทันตแพทย์เพื่อขอฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ หลังจากที่ฟันน้ำนมเริ่มขึ้นให้ใช้ผ้าสะอาดถูทำความสะอาดบริเวณฟันและเหงือกเนื่องจากช่วงนี้ฟันยังเล็กโผล่ขึ้นมาจากเหงือกยังไม่หมดการใช้แปรงสีฟันจึงไม่ค่อยถนัดมากนัก
การดูแลช่องปากของลูกน้อยในวัย 1-3 ปี ฟันน้ำนมขึ้นครบแล้ว
ช่วงนี้ฟันลูกน้อยเต็มปากและมีขนาดใหญ่พอที่สามารถใช้แปรงสีฟันได้แล้ว คุณแม่สามารถแปรงฟันให้เจ้าตัวเล็กสอนวิธีการบ้วนน้ำก่อนที่จะปล่อยให้เขาแปรงฟันเอง ดูแลอย่าให้เผลอกลืนยาสีฟันเข้าไปในท้องนะคะเพราะอาจส่งผลเสียกับลูกน้อยได้ฃ
การดูแลช่องปากของลูกน้อยในวัย 3-4 ปี วัยที่สามารถแปรงฟันได้เอง
ถึงเวลาที่คุณแม่จะต้องปล่อยให้ลูกรักเริ่มแปรงฟันเองได้แล้ว แค่คอยเช็คว่าแปรงสะอาดหรือไม่ ทั่วถึงหรือไม่ ไม่เพียงเท่านี้นะคะ คุณแม่จะต้องพาลูกน้อยไปตรวจเช็คสุขภาพช่องปากเป็นประจำอีกด้วย
การดูแลช่องปากของลูกน้อยในวัย 6 ปีขึ้นไป ช่วงที่ฟันแท้กำลังเริ่มขึ้น
เป็นช่วงที่ฟันน้ำนมเกิดการโยกหลุด แล้วฟันแท้จะงอกเข้ามาเสริมแทนกรณีที่ฟันแท้ขึ้นมาแล้วแต่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดคุณแม่จะต้องพาลูกน้อยไปพบคุณหมอเพื่อถอนฟันน้ำนมออก เพื่อฟันแท้จะได้ขึ้นอย่างเป็นระเบียบ
วิธีการดูแลช่องปากและฟันของลูกน้อย
1. หลี่กเลี่ยงอาหารหรือขนมที่มีน้ำตาล
2. เลือกอาหาร หรือขนมที่ไม่มีน้ำตาล หรือไม่หวานให้ลูก
3. สอนให้ลูกน้อยแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งคือเช้าและก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังกินอาหาร
4. สอนให้ลูกน้อยรู้จักบ้วนปากแปรงฟัน
อาหารปวดฟันสามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกวัยและทุกบ้านดังนั้นคุณแม่จะต้องหมั่นสังเกตุหรือดูแลสุขภาพในช่องปากลูกน้อยให้ดีด้วยเพื่อป้องกันอาการฟันผุและปัญหาสุขภาพฟันตามมา
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..
1.เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด ควรเลือกแบบสายผูก หรือแบบกระดุมมากกว่ากัน
2.เสื้อกล้ามรู เสื้อกล้ามเด็กในตำนาน ใช้แล้วดีอย่างไร