คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจยังสงสัยว่าเจ้าตัวเล็กในขณะที่อยู่ในท้องนั้นมีระบบการหายใจได้อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วช่วงเวลาที่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์นั้นไม่สามารถหายใจได้ทางปากหรือจมูก เพียงแต่จะมีการเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านทางรกและสายสะดือ นั่นหมายความว่าเวลาที่คุณแม่หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปลูกน้อยก็จะได้รับผ่านทางสายรกหรือสายสะดือนั่นเอง
การหายใจของ ลูกน้อยในครรภ์
มาทำความเข้าใจกับการหายใจของลูกน้อยในครรภ์กันเลย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
1.ช่วงแรกตั้งท้องจนอายุครรภ์ได้ 14สัปดาห์
ในช่วงนี้เจ้าตัวเล็กยังมีขนาดเล็กมาก สามารถรับอาหารและออกซิเจนผ่านทางสายสะดือ โดยเส้นเลือดดำทำหน้าที่เป็นท่อนำอาหารและออกซิเจนจากคุณแม่ไปให้ลูกรัก
2.เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ได้ 18 สัปดาห์
สำหรับเจ้าตัวเล็กในท้องช่วงนี้ จะมีการพัฒนาของปอด แต่อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเล็กก็ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง ยังต้องพึ่งพาคุณแม่ทั้งอาหารและออกซิเจนจนกว่าจะคลอด
3.เข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ได้ 26สัปดาห์
ช่วงนี้ร่างกายของลูกน้อยได้มีการสร้างปอดใกล้จะสมบูรณ์เต็ม 100 ทั้งหลอดลมและถุงลมมีการก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จะสมบูรณ์เต็มร้อยได้ในช่วงที่ลูกรักอายุได้ 8 ปี เวลานี้ลูกน้อยมีการใช้จมูกเพื่อฝึกหายใจได้บ้างแต่ก็ยังไม่สามารถหายใจได้เอง
4.เข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ได้ 34 สัปดาห์
ในปอดของลูกน้อยช่วงนี้ประกอบไปด้วยถุงลมเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาก แต่อย่างไรก็ตามปอดก็ยังทำงานไม่ได้เต็มที่ โดยจะมีน้ำหลื่อลื่นอยู่รอบๆ ถุงลม ซึ่งน้ำหล่อลื่นเหล่านี้ทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ปอดขยายตัวเมื่อเจ้าตัวเล็กมีการหายใจได้เองในครั้งแรก ช่วงนี้แม้ว่าปอดจะทำงานได้ไม่เต็ม 100 แต่กรณีที่ทารกคลอดก่อนกำหนดทารกมีโอกาสสูงที่จะรอดชีวิต
5.เข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ได้ 40สัปดาห์หรือใกล้คลอด
ในช่วงนี้ปอดและระบบต่างๆ ของเจ้าตัวเล็กมีการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ สามารถที่จะหายใจได้เองในเวลาที่คลอดออกมา สำหรับปอดเป็นอวัยวะที่มีการสร้างหรือพัฒนาช้าสุด ดังนั้นทางคุณหมอจะย้ำเสมอเลยว่าคุณแม่จะต้องประคองตัวเองให้อุ้มท้องลูกรักให้นานที่สุดเพื่อประสิทธิภาพของปอดนั่นเองค่ะ
สิ่งอื่นๆ ที่ทารกในครรภ์ทำได้
นอกจากการหายใจแล้ว เรามาดูสิ่งอื่นๆ ที่ทารกในครรภ์ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อกันบ้างดีกว่า
1.สามารถได้ยินเสียงจากข้างนอก
การที่เจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องนั้น ไม่ได้เงียบสงบอย่างที่คิด จะได้ยินทั้งเสียงของระบบการทำงานอวัยวะภายในของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจเต้น ท้องร้อง สะอึกเป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถได้ยินเสียงต่างๆ ที่อยู่ภายนอกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่เสียงที่จำได้และสำคัญต่อลูกน้อยมากที่สุดคือเสียงของคุณแม่เอง
2.ดวงตาลูกรักมีการมองเห็นแสง
มีการพัฒนาการมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการตั้งท้องสำหรับดวงตา เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7-8 หรือใกล้คลอดดวงตาสามารถมองเห็นได้เล็กน้อยๆ คุณหมอจะมีการแนะนำให้ลองส่องไฟไปยังท้องเจ้าตัวเล็กจะหันหน้าหนีแสงจ้าเลยทีเดียว จากการอัลตร้าซาวน์ช่วงใกล้คลอดพบว่าลูกน้อยมีการฝึกกระพริบตาเพื่อเตรียมตัวออกมาสู่โลกภายนอกอีกด้วย
3.รู้ในสิ่งที่คุณแม่ต้องการสื่อ
จากการวิจัยพบว่า ลูกน้อยสามารถเข้าใจและเรียนรู้ในสิ่งที่คุณแม่ต้องการสื่อได้ ชอบจังหวะเสียงต่ำ เสียงสูงที่เป็นประโยคมากกว่าคำเดี่ยวๆ ไม่เพียงแต่การพูดคุยกับลูกน้อยแต่ยังเข้าใจที่คุณแม่คุญกับคนอื่นๆ อีกด้วย
4.สามารถจดจำกลิ่นของคุณแม่ได้
ไม่เพียงแต่รู้ภาษา ได้ยินเสีย เจ้าตัวเล็กยังสามารถจดจำกลิ่นได้อีกด้วย เวลาที่คุณแม่กินอะไรเข้าไปน้ำคร่ำก็จะมีกลิ่นเดียวกัน เจ้าตัวเล็กจะต้องกลืนหรือสูดดมกลิ่นเหล่านั้นเข้าไปด้วย ไม่เพียงเท่านี้จากการสัญนิฐานพบว่าทารกยังสามารถจดจำกลิ่นตัวคุณแม่ได้อีกด้วย จากการสังเกตุพบกว่าช่วง 2-3 ชั่วโมงหลังคลอด ทารกมักชอบดูดนมจากเต้าที่ไม่ได้ล้างมากกว่าเต้านมที่มีการล้างทำความสะอาด และนี่ก็เป็นสาเหตุที่คุณหมอแนะนำให้คุณแม่ให้นมลูกน้อยก่อนอาบน้ำนั่นเอง
5.ลูกน้อยสามารถรับรู้รสชาติต่างๆได้ดีเลยทีเดียว
ในช่วงเดือนที่ 7-8 ต่อมรับรู้รสชาติจะมีการพัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์ จากข้อมูลที่ด้ศึกษามานั้นพบว่าทารกสามารถแยกแยะรสชาติเปรี้ยว ขม และหวานได้ตั้งแต่อายุครรภ์ครบ 14 สัปดาห์ บ่อยครั้งที่ผลอัลตร้าซาวน์พบว่าเจ้าตัวเล็กกำลังเลียรกและผนังมดลูก นอกจากรกและมดลูกแล้วยังสามารถรับรู้รสจากอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไปอีกด้วย โดยนักจิตชีววิทยาได้กล่าวว่าช่วงเวลาที่กำลังตั้งท้องลูกน้อยหากคุณแม่ได้รับอาหารที่หลากหลายมากเท่าไหร่ เวลาคลอดออกมาเจ้าตัวน้อยก็จะเรียนรู้และรับรสชาติความหลากหลายเหล่านั้นผ่านทางน้ำนม
หนูเก่งใช่ไหมล่ะแม่จ๋า ... ใครจะไปรู้ใช่ไหมคะว่าลูกน้อยมีความแสบมาตั้งแต่ในท้อง ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนกาซออกซิเจน การรับรู้รสชาติ การมองเห็น ได้ยินเสียงคุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่จำกลิ่นได้ วันนี้คุณแม่ตั้งท้องได้สรรหาสิ่งดีๆให้แก่ลูกรักบ้างหรือยัง ถ้ายังต้องรีบแล้วล่ะ
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..
1.อึลูกน้อยบอกโรคได้ กับ การสังเกตสุขภาพของลูกน้อยจากอุจจาระ