สิ่งที่คอยสร้างความทุกข์ใจ ความกังวลแก่มนุษย์แม่เป็นอย่างมาก นั่นคือ อาการเจ็บป่วย ความไม่สบายกายไม่สบายใจของลูกน้อย ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะร้ายแรงหรือไม่ คนเป็นแม่ย่อมไม่อยากให้ลูกน้อยเจอกับภาวะเหล่านั้นหรอกจริงไหมคะ ซึ่งหนึ่งในโรคร้ายแรงที่คุณแม่จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ เริมในปากนั่นเอง โดยโรคที่ว่านี้จะเป็นอย่างไร เกิดจากอะไร แล้วจะต้องดูแลรักษาอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
ลูกเป็นเริมในปาก มีสาเหตุจากอะไร
เริมที่ปาก เกิดจากอะไร สำหรับบ้านไหนที่มีลูกน้อย อยู่ในวัยทารกหรือวัยเด็กนั้น เริมในปาก ถือว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายกว่าวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กยังไม่รู้วิธีการดูแลตัวเอง หรือวิธีการป้องกัน ประกอบกับความบอบบางและความอ่อนแอของร่างกาย ทำให้เชื้อไวรัส HSV ที่สามารถฝังตัวได้ทุกจุด สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การหอมแก้ม การอุ้ม การกอด ในขณะที่เด็กบางคนเป็นโรคเริมตั้งแต่เกิด เนื่องจากคุณแม่เป็นเริมที่อวัยวะเพศ และใช้วิธีคลอดแบบธรรมชาติ ทำให้เจ้าตัวเล็กมีการติดโรคร้ายในขณะเวลาที่คลอดได้นั่นเอง
อาการของโรคเริมในปาก
บ้านไหนที่สงสัย หรือระแวงว่าเจ้าตัวเล็กได้มีการติดโรคเริมในปากหรือไม่นั้น คุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีการสังเกตุได้ง่ายๆ โดยเบื้องต้นลูกน้อยจะมีการดังต่อไปนี้
1.มีแผลบวม แดง ตุ่มน้ำพองใส
อาการที่บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวเล็ก ตัวแสบในบ้านกำลังเข้าใกล้โรคร้ายแรงอย่างเริมในปากเบื้องต้น จะสังเกตุเห็นอาการผิดปกติ ได้แก่ อาการบวม แดง บริเวณริมฝีปาก หรือในช่องปากนั้นประกอบไปด้วยตุ่มน้ำพองใสๆ ซึ่งจะรู้สึกคัน และเจ็บเป็นอย่างมาก นอกจากนี้อาจมีอาการคล้ายร้อนในได้อีกด้วย
2.มีไข้ขึ้น ตัวร้อน
เวลาที่ลูกน้อยเจ็บป่วยและเป็นโรคเริมในช่องปาก ด้วยร่างกายที่ยังอ่อนแอ บอบบาง เด็กบางคนอาจมีอาการไข้ขึ้น อ่อนเพลีย ปวดเนื้อปวดตัว ไม่สบายตัว งอแงได้
3.มีอาการเจ็บปวด บริเวณตุ่ม หรือแผล
สำหรับโรคเริมในช่องปากนั้นจะมีอาการเจ็บปวด แต่จะมีระดับความเจ็บ น้อยกว่าแผล หรือตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ
และนี่ก็คืออาการที่สังเกตได้นั่นเอง โดยสำหรับโรคเริม แม้ว่าเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง แต่ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ ใช้เวลาในการพักฟื้นเพียงแค่ 7-10 วันแผลที่ปรากฏก็จะแห้งและตกสะเก็ตหายได้เองในที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวังในเวลาที่ลูกเป็นโรคเริม
การที่เจ้าตัวเล็กเป็นโรคเริมในช่องปากนั้นปกติแล้วจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
1. ตุ่มหรือแผลในบริเวณช่องปากเกิดการเป็นหนองพุพอง มีสาเหตุมาจากการอักเสบของเชื้อแบคทีเรีย
2. อาจมีการลุกลามขึ้นตา ก่อการอักเสบบริเวณกระจกตา มีความเสี่ยงที่จะพิการทางสายตาได้
3. เสี่ยงต่อภาวะการขาดน้ำ เพราะไม่สามารถดื่มนมและน้ำได้เหมือนแต่ก่อน
อาการหูอักเสบในเด็ก ที่ต้องระวัง
วิธีการดูแลรักษา
สำหรับบ้านไหนที่กำลังเจอกับสถานการณ์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกันเริมในปาก วันนี้ลองมาดูแนวทาง หรือวิธีการรักษาเพื่อที่จะได้นำไปดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มที่กันค่ะ
1.พาลูกน้อยไปพบคุณหมอทันทีที่คิดว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคติดต่อ
ในช่วงระยะแรกนี้หากพบอาการที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ดังเช่น ตุ่มน้ำใสๆ บริเวณปาก หรือในปาก ให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาเจ้าตัวเล็กไปพบคุณหมออย่างเร่งด่วน เพื่อทางทีมแพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัย และรักษาได้อย่างท่วงทัน
2.หมอจะให้ยาต้านโรคเริม
ในกรณีที่มั่นใจว่าลูกน้อยเป็นเริมในปากอย่างแน่นอนแล้ว ทางคุณหมอจะมีการจ่ายยาต้านไวรัสเริม ตามดุลพินิจ โดยตัวยามีหลายรูปแบบทั้งแบบกินและแบบฉีด
3.ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มเติม
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ก่อนที่จะมีการสัมผัสร่างกาย คุณพ่อคุณแม่จะต้องมีการทำความสะอาดร่างกาย ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังจับแผล ที่สำคัญอย่าลืมทำความสะอาดแผลในช่องปาก ด้วยวิธีการล้างแผลด้วยน้ำเกลือ และซับให้แห้งทุกวันด้วยนะคะ
ข้อควรระวังที่คุณแม่ต้องรู้
ด้วยเริมในปากยังไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่มีวัคซีนป้องกันได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณแม่ต้องระวังมีดังต่อไปนี้
1. กรณีที่ตัวแม่เองเคยมีประวัติการเป็นโรคเริมมาก่อน หรือกำลังอยู่ในช่วงการรักษานั้นจะต้องแจ้งให้คุณหมอที่ดูแลทราบด้วย
2. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ได้แก่ การหอม จูบ หรือการอุ้ม
3. ระวังไม่ให้ลูกน้อยสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เนื่องจากเด็กยังไม่ค่อยระมัดระวังตัวเองและด้วยวัยที่ยังบอบบางสามารถติดต่อได้ง่าย
โรคเริมในปากเป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรมองข้าม อย่างไรก็ตามทุกกิจกรรม หรือการดำเนินชีวิต เป็นหน้าที่ของคุณแม่อย่างเราที่จะต้องเฝ้าระวัง ดูแลและสอดส่อง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านั้น ป้องกันไว้จะดีกว่าแก้นะคะ เพราะทางเว็บของเราได้มีการบอกสาเหตุเริมที่ปาก เกิดจากอะไร ให้คุณได้ทำความเข้าใจแล้ว คุณแม่เองก็ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจ เสียใจเอาภายหลัง
= = = = = = = = = = = =