ดูแลดวงตาของลูกน้อย อวัยวะชิ้นเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกน้อย คุณแม่รู้หรือไม่ว่า ดวงตาของเด็กเล็กมีความละเอียดอ่อนต่อแสงอย่างมาก เพราะเซลล์เยื่อหุ้มประสาทตายังไม่สามารถทนต่อรังสียูวีจากแสงแดดจัดยามบ่ายได้ ถ้าลูกน้อยจำเป็นต้องออกนอกบ้านช่วงเวลาบ่าย ๆ อาจจะทำให้แสงยูวีทำลายเซลล์จอประสาทตาได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคกับดวงตาของเด็กเล็ก วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลดวงตาของเด็กเล็กให้สดใสขึ้นด้วยวิธีง่าย ๆ มาแนะนำค่ะ

5 เคล็ดลับ ดูแลดวงตาของลูกน้อย

เคล็ดลับการดูแลดวงตาของลูกน้อยให้สดใส มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

1.สังเกตสุขภาพของดวงตาลูกสม่ำเสมอ

ในทุกวันลูกจะต้องพบเจอกับสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ผง และควัน ถ้าลูกน้อยเบิงเอิญโดนเศษผงเข้า คุณแม่ก็สามารถหาวิธีการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อดวงตาที่รุนแรง จนถึงขั้นอักเสบได้ การสังเกตคุณแม่ควรจะทำอย่างสม่ำเสมอ หากมีอะไรผิดปกติ หรือสงสัยว่าดวงตาของลูกมีปัญหา อย่างเช่น ตาดำดูผิดปกติ ตาเหล่ (เป็นบางครั้ง) หรือหนังตาข้างใดข้างหนึ่งตกลง อย่างนี้แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ หรือพาลูกไปหาจักษุแพทย์โดยตรง เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป

อาการที่แม่ควรระวังเกี่ยวกับดวงตาของลูกน้อย

  • อาการภาวะท่อน้ำตาตัน ซึ่งภาวะนี้เป็นอาการที่พบได้กับเด็กแรกเกิด เด็กเล็กที่มีน้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ร้องไห้ คุณแม่สามารถดูแลเบื้องต้นเองได้ โดยการนวดบริเวณหัวตา ตำแหน่งของถุงทางเดินน้ำตา แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น กึควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีเช่นกันค่ะ
  • ภาวะดวงตาติดเชื้อ คุณแม่อาจสังเกตเห็นสีเหลืองปนเขียว หรือหนังตาบวมแดงร่วมด้วย อาการนี้จะแสดงก็ต่อเมื่อดวงตาของลูกน้อยเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ แบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ที่มาจาฝุ่นละอองในอากาศ คุณแม่จะต้องรีบพาลูกไปพบแพทย์ในทันทีที่เห็นความผิดปกตินี้
  • ภาวะตาแฉะ ส่วนมากเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ทำให้ลูกมีขี้ตามาก และอาจเกิดจากการแพ้สารเคมี (สารซิลเวอร์ไนเตรด) ที่หยอดหลังคลอดทำให้ตาแฉะได้ แนะนำให้คุณค่อยเช็ดน้ำตาอย่างสม่ำเสมอ แล้วอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ

นอกจากนี้คุณแม่สามารถเช็คพัฒนาการด้านการมองเห็นของลูกน้อยได้ เช่น เมื่อลูกอายุได้ 3 เดือนแรกหลังครอด ลูกยังไม่สามารถหันมองวัตถุหรือสิ่งของที่แกว่งไปมาได้ ก็ควรตั้งเป็นข้อสงสัยว่า พัฒนาการด้านการมองเห็นอาจจะไม่ดี แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกันและแก้ไขต่อไปค่ะ

2.ดูแลดวงตาลูกน้อย อย่างถูกต้อง

การดูแลดวงตาของลูกน้อยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนคุณแม่จะต้องระมัดระวังให้มาก ถึงแม้คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านอาจจะไม่มีประสบการณ์ แต่เราก็มีวิธีการดูแลดวงตาของเจ้าตัวเล็กแบบถูกต้องและทำได้ง่าย ๆ โดยการหมั่นดูแลเรื่องความสะอาด ทั้งเครื่องนอนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่บริเวณใบหน้า หรือดวงตาลูกอาจสัมผัส เช่น การเปลี่ยนผ้ารองที่นอนหมอนที่ลูกหนุน เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ และถ้าสังเกตว่า ดวงตาของลูกมีขี้ตามากให้ทำความสะอาด โดยใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกอุ่น ๆ เช็คจากหัวตาไปยังหางตา ที่สำคัญต้องเปลี่ยนก้อนสำลีใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนข้างด้วยเพื่อความสะอาด

3.ใช้ยาอย่างถูกต้อง ตามแพทย์แนะนำเท่านั้น

ดวงตามีเนื้อเยื่อที่บอบบางอย่างมาก สามารถติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้น การเลือกใช้ยากับเด็กเล็กคุณแม่จึงต้องระวังอย่างมาก ไม่แนะนำให้เลือกใช้ยากับดวงตาของลูกน้อยด้วยตัวเอง หากลูกจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตา ควรเป็นยาที่แพทย์เป็นผู้จ่ายให้ คุณแม่ไม่สามารถไปเลือกซื้อตาร้านขายยาทั่วไปได้นะคะ

สำหรับวิธีการใช้ยาหยอดตา คุณแม่จะต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนหยอดตา ในขณะหยอดตาก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้หยดแตะกับตาหรือขนตา และเมื่อเปิดใช้แล้ว ก็ควรเก็บยาไว้ในที่เย็นในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ที่สำคัญไม่ควรใช้ยาหยอดตาร่วมกับเด็กอื่น เพราะอาจจะทำให้ลูกเกิดการติดเชื้อโรคของเด็กอื่นได้ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากค่ะ

4.เรื่องต้องห้าม สำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา

Sponsored

เมื่อคุณแม่พบว่าลูกมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ไม่ว่าจะมีอาการบวมแดง มีอาการน้ำตาไหลผิดปกติ หรือมีอาการตาแฉะ คุณแม่ก็ควรหลีกเลี่ยงการพาลูกไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะเป็นพิษ ฝุ่นควัน หรือลมแรง ๆ เพราะอาจจะทำให้ดวงตาของลูกเกิดอาการรุนแรงขึ้นจากการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ ไม่ควรให้ลูกใช้มือแคะ แกะ หรือเกาบริเวณรอบ ๆ ดวงตา เพราะอาจจะทำให้อาการระคายเคืองมากกว่าเดิมได้ และเมื่อคุณแม่มีความต้องการใช้ยา ก็ไม่แนะนำให้ซื้อมาใช้เอง เพราะดวงตาของเด็กเล็กมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์แข็งแรงเหมือนกับดวงตาของผู้ใหญ่ ยาหยอดตาทั่วไปอาจจะมีฤทธิ์ที่รุนแรงจนเกิดการอักเสบหรือเข้าไปทำลายเยื่อหุ้มจอประสาทตาได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อดวงตาน้อย ๆ ของลูกรัก คุณแม่ต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเมื่อลูกมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เพื่อรับการป้องกันและการรักษาอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียดวงตาของลูกรักได้

5.เพิ่มพัฒนาการด้านการมองเห็นด้วยการเรียนรู้

ถึงแม้ดวงตาน้อย ๆ จะเป็นอวัยวะชิ้นเล็ก ๆ แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกาย ดังนั้น เพื่อให้ดวงตามีพัฒนาการอย่างสมบูรณ์แบบ คุณแม่จะต้องช่วยส่งเสริมด้านการมองเห็นให้กับลูกรัก โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของลูกให้มากขึ้น และเพิ่มพัฒนาการด้านความจำด้วยการเปิดภาพสวย ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติ รูปสัตว์ หรือรูปดอกไม้เพื่อให้ลูกได้รู้ และกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็นให้กับลูกน้อยได้อีกด้วย

เมื่อคุณแม่มือใหม่รู้เคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลดวงตาน้อย ๆ ของลูกแล้ว คุณแม่ก็ต้องคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของดวงตาลูก เพื่อให้ลูกมีดวงตาที่สดใส สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ พัฒนาการที่ดีของลูกคุณแม่สร้างได้ง่าย ๆ เพียงดูแลค่ะ

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.แพ้ท้องระดับไหน เช็คสิ อาการแพ้ท้องของคุณ รุนแรงหรือไม่

2.10 อาหารวิตามินบี 6 สูง ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ดี