เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้หญิงอย่างเราๆ จะต้องพบเจอนั่นก็คือ น้องสาวเหม็นซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่ทำลายความมั่นใจของสาวๆ เป็นอย่างมากและเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความกังวลและปล่อยผ่านไม่ได้ บางทีคนรอบข้างก็พลอยรังเกียจไปด้วยเพราะทนเหม็นกลิ่นเหล่านี้ไม่ไหว ขนาดที่กลิ่นนั้นก็ทะลุออกจากกางเกงออกมาได้เลย วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่าการที่จุดซ่อนเร้นเหม็นนั้นเกิดจากอะไร และจะมีวิธีการดูแลอย่างไรบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หายขาด และสร้างความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
น้องสาวเหม็น เกิดจากอะไร
จุดซ่อนเร้นของคนเราก็มักจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละกลิ่นก็ล้วนมีสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ แล้ว น้องสาวเหม็น ก็จะมีกลิ่นอยู่ทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน ถ้าหากคุณกำลังพบเจอกับปัญหา น้องสาวเหม็นก็ลองสังเกตดูได้เลยว่าจะมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
1.กลิ่นปลาเค็ม
น้องสาวเหม็นปลาเค็ม เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าระบบในร่างกายของคุณไม่ปกติ ซึ่งเป็นอาการของภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียหรืออาจจะเกิดจากการหมักหมมเวลาคุณนั้นใส่ผ้าอนามัยติดต่อกันหลายชั่วโมง น้องสาวเหม็น แบบนี้ก็ยังมีสาเหตุอีกหนึ่งอย่างคือการติดเชื้อไตรโคมูเนสซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากคุณมี น้องสาวเหม็น กลิ่นแบบนี้ต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
2.กลิ่นเปรี้ยว
ถือว่าเป็นกลิ่นปกติเมื่อร่างกายได้รับอาหารที่เป็นกรดเข้าไปเพื่อสร้างแลคโตบาซิลลัสที่เป็นแบคทีเรียที่ดีต่อช่องคลอด ดังนั้นถ้าน้องสาวของคุณมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเล็กน้อยก็ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นปกติ
3.กลิ่นทองแดงหรือกินคล้ายโลหะ
ช่องคลอดของคนเรามักจะมีกลิ่นทองแดงในขณะที่เป็นประจำเดือน เพราะเลือดของเรานั้นมีธาตุเหล็กผสมอยู่ มีกลิ่นแบบนี้ถือว่าปกติไม่เป็นอันตราย แต่หากยังมีกลิ่นนี้อยู่หลังประจำเดือนหมดไปแล้วและก็ยังมีเลือดที่ออกนอกเหนือรอบเดือนประกอบกับมีอาการคันคุณก็ต้องไปพบแพทย์
4.กลิ่นฉุนคล้ายเคมี
หากน้องสาวของคุณมีกลิ่นฉุนคล้ายกับแอมโมเนียที่ประกอบอยู่ในปัสสาวะ อาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดน้ำหรือเกิดจากการช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
5.กลิ่นคล้ายกลิ่นตัว
น้องสาวเหม็น เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นใต้รักแร้สาเหตุอาจจะมาจากความเครียดและส่งผลไปยังต่อมเหงื่อ ซึ่งร่างกายของคนเราซึ่งมีต่อมเหงื่ออยู่ 2 ประเภท คือ Apocrine และEccrine ทำหน้าที่ในการผลิตเหงื่อเพื่อให้ร่างกายเย็นลงและลดความเครียด ซึ่งต่อมนี้นอกจากจะอยู่ที่รักแร้แล้วก็อยู่ที่ขาหนีบด้วยจึงส่งผลให้กลิ่นออกมาจากน้องสาวนั่นเอง
วิธีรับมือและป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่น
เมื่อเราได้ทราบกันไปแล้วว่าการที่ น้องสาวเหม็น นั้นเกิดจากอะไรแล้วจะมีกลิ่นเป็นแบบไหน จากนั้นเราก็ต้องมาดูวิธีการดูแลและป้องกันไม่ให้น้องสาวของเรามีกลิ่นไม่พึงประสงค์กันดีกว่า และถ้าหากคุณลองทำแล้วไม่ได้ผล คุณจะต้องไปปรึกษาแพทย์โดยทันทีไม่ควรปล่อยไว้นาน แต่วิธีแก้ไขนั้นจะเป็นอะไรบ้างเรามาดูกันเลย
1.ปรับเปลี่ยนอาหาร
อาหารบางชนิดสามารถส่งผลต่อกลิ่นในช่องคลอดได้ โดยเฉพาะอาหารแปรรูปที่หากใครกินของอาหารแปรรูปหรือของหมักดองบ่อยๆ แล้วรู้สึกว่าน้องสาวมีกลิ่นให้ลองกินผักผลไม้ให้เยอะขึ้นและลดอาหารแปรรูปหรือของหมักดองเพื่อเป็นการดีทอกซ์ และถึงแม่ว่าของเหล่านี้จะอร่อยคุณก็ควรงดทานเพื่อสุขภาพของน้องสาวของคุณ
2.ใส่กางเกงชั้นในที่สะอาด
คุณควรเลือกกางเกงชั้นในที่เป็นผ้าฝ้ายเพราะจะระบายอากาศได้ดีและไม่ควรใส่กางเกงชั้นในที่รัดจนเกินไป รวมถึงคุณจะต้องมีการทำความสะอาดกางเกงชั้นในให้ดีจะช่วยลดการอับชื้นที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น
3.เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังออกกำลังกาย
บริเวณขาหนีบมีต่อมเหงื่อที่จะส่งผลให้น้องสาวมีกลิ่น ดังนั้นคุณจะต้องทำให้ขาหนีบแห้งที่สุด
4.อย่าสวนล้างช่องคลอด
บางคนเมื่อ น้องสาวเหม็น ก็มักจะใช้วิธีสวนล้างช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดเพราะช่องคลอดของคนเราจะมีกรดด่างและแบคทีเรียตามธรรมชาติ การล้างน้ำเปล่าแค่ภายนอกก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณสวนล้างช่องคลอดก็จะทำให้เสียสมดุลจนอาจทำให้ช่องคลอดอักเสบได้
5.หลีกเลี่ยงการใช้สบู่
ช่องคลอดของคนเรามีแบคทีเรียดีอยู่และสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ตามธรรมชาติ การใช้สบู่จะทำให้เสียสมดุลและทำให้เกิดกลิ่นหรือการติดเชื้อได้
6.เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
ผ้าอนามัย ทำหน้าที่ดูดซับของเหลวซึ่งเป็นต้นเหตุของความอับชื้น หากคุณใส่เป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ โดยคุณควรเปลี่ยนทุกๆ 2-4 ชั่วโมง
7.ปรึกษาแพทย์
หากคุณลองทำวิธีข้างต้นแล้วน้องสาวก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นอยู่ ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบภายในคุณจึงต้องเดินทางไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
การที่น้องสาวมีกลิ่นเหม็นถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแต่ก็ทำให้เสียความมั่นใจและจะทำให้บุคคลรอบข้างได้กลิ่นเหม็นเหล่านี้ไปด้วย แล้วถ้ายิ่ง น้องสาวเหม็นปลาเค็มผู้หญิงอย่างเราๆ ก็อายจนแทบไม่อยากลุกเดินไปไหนกันเลย ดังนั้นแล้วคุณควรสังเกตตัวเองและดูแลรักษาความสะอาดรวมถึงอาหารการกินให้ดีเพื่อที่จะได้มีกลิ่นเหม็นเหล่านี้กลับมาอีก
= = = = = = = = = = = =