ไวรัสโรต้า อีกหนึ่งโรคที่ดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะโรคนี้มีความอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว และมักจะพบได้มากในเด็กทารกและเด็กปฐมวัยอีกด้วย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้กันสักนิด เพื่อจะได้เฝ้าระวังและป้องกันได้ทันนั่นเอง โดยวันนี้เราก็นำ 7 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับโรคนี้มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความเข้าใจกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น มาดูกันเลย

7 เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้ เกี่ยวกับ ไวรัสโรต้า ในเด็ก

สำหรับเรื่องที่พ่อแม่ควรรู้ และทำความเข้าใจ เมื่อลูกน้อยป่วยจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ก็คือ

1.อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

อาการท้องเสียที่เกิดจากไวรัสโรต้า มีความอันตรายมากกว่าอาการท้องเสียทั่วไป ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว นั่นก็เพราะมีอาการอาเจียนและถ่ายเหลวเป็นน้ำ รวมถึงมีไข้สูง จนทำให้เสี่ยงต่อการชัก และเกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง เป็นผลให้ช็อกเสียชีวิตได้ในที่สุด

2.แพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว

ไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วมาก โดยแพร่ผ่านการสัมผัสกับเชื้อในอุจจาระของผู้ป่วยทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สำคัญแม้จะมีเชื้อเพียงนิดเดียวก็สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้แล้ว ดังนั้นพยายามอย่าให้ลูกสัมผัสกับอุจจาระของเด็กที่มีเชื้อเด็ดขาด รวมถึงต้องทำความสะอาดมือให้เรียบร้อยทุกครั้ง หลังสัมผัสกับอุจจาระของเด็กที่ติดเชื้อ เพราะหากคุณเผลอมาสัมผัสกับของเล่นโดยที่มือไม่สะอาด แล้วมีเด็กมาเล่นของเล่นนั้นต่อ ก็จะทำให้เชื้อแพร่ไปยังเด็กอีกคนได้

3.อาการที่ต้องสังเกต

อาการท้องเสียที่เกิดจากไวรัสชนิดนี้ และแบคทีเรียธรรมดา จะมีอาการที่คล้ายกันมาก แต่ก็มีจุดที่สังเกตความแตกต่างได้บ้างเหมือนกัน ซึ่งอาการที่สังเกตได้จากการที่ลูกติดเชื้อไวรัสชนิดนี้คือ มักจะเริ่มจากอาเจียนก่อน แล้วจึงถ่ายเหลวเป็นน้ำ โดยอาจถ่ายมากจนก้นแดงและมีไข้ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ในเด็กบางคน ก็อาจมีอาการไอร่วมด้วย

4.ให้ลูกดื่มน้ำและเกลือแร่เยอะๆ ช่วยได้

เนื่องจากลูกเสียน้ำในร่างกายไปกับอาการท้องเสียและอาเจียนมากเกินไป ดังนั้นจึงต้องพยายามทดแทนน้ำที่เสียไปให้มากที่สุด เพื่อป้องกันลูกเกิดอาการช็อคได้ ซึ่งทำได้ด้วยการให้ลูกดื่มน้ำและเกลือแร่เยอะๆ โดยให้ลูกจิบทีละเล็กน้อยตลอดทั้งวันนั่นเอง

5.มีวัคซีนป้องกันแล้วนะ รู้ยัง

Sponsored

ในปัจจุบันโรคนี้มีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้แล้ว ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาได้มีการนำเข้ามาทดลองใช้ที่จังหวัดสุโขทัยเป็นแห่งแรก พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงถึงร้อยละ 88 เลยทีเดียว และมีความปลอดภัยสูงโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้วัคซีนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะหยอดวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดอาการท้องเสียจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้อีก แต่จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าในเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงลงความเห็นว่า เด็กเล็กทุกคนควรได้รับการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ

6.ควรให้ลูกฉีดวัคซีนป้องกันเมื่อไหร่

องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า เด็กเล็กทุกคนจะต้องได้รับการหยอดวัคซีนป้องกันไวรัสชนิดนี้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน และหยอดกระตุ้นอีก 2 ครั้ง คือเมื่ออายุครบ 4 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ ซึ่งเมื่อหยอดครบจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง และช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคนี้ในเด็กได้ดีทีเดียว ดังนั้นควรพาลูกไปหยอดวัคซีนตามกำหนดกันด้วย

7.อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน

อาการข้างเคียง อาจเกิดขึ้นได้บ้างหลังจากได้รับการหยอดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งอาการที่มักจะพบได้แก่

  • ภายใน 7 วันหลังจากหยอดวัคซีน อาจมีอาการท้องร่วงหรืออาเจียนได้ แต่จะไม่รุนแรงและหายไปเองในที่สุด
  • มีไข้เล็กน้อย โดยสามารถให้ลูกทานยาลดไข้ได้ แต่หากทานแล้วไข้ไม่ลดและมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที

โรคท้องเสียจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า เป็นโรคที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากลูกมีอาการท้องเสียร่วมกับอาเจียน พ่อแม่ควรสังเกตให้ดีว่านั่นเป็นอาการท้องเสียธรมดา หรือท้องเสียเนื่องจากติดเชื้อไวรัสชนิดนี้กันแน่ ซึ่งทางที่ดีควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีดีกว่า

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ลูกตายคาท้อง เพราะพยาบาลไม่ใส่ใจ แม่สลด!! ร้องขอความเป็นธรรม

2.เตือนภัย!! ลูกเกือบตาย เพราะอันตรายใกล้ตัวที่คุณแม่ไม่ทันคาดคิด