เพื่อกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับสบาย เปลโยก ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่เลือกให้กับลูกรัก เพราะสามารถใช้ในการกล่อมลูกน้อยนอนได้ดี และยังเคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ยุ่งยากอีกด้วย ซึ่งก็โดนใจคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้เปลโยก ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป โดยจะเลือกซื้อเปลชนิดนี้ให้กับลูกน้อยดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตัวคุณเองและช่วงวัยของลูกน้อยด้วย
เปลโยก เหมาะกับเด็กวัยไหน
เปลโยกจะเหมาะกับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป หรือเมื่อเด็กคอแข็งแล้วนั่นเอง เพราะการนอนบนเปลชนิดนี้ หากลูกยังคอไม่แข็งดี ก็อาจจะเป็นอันตรายได้ ดังนั้นหากคิดจะให้ลูกนอนเปลประเภทนี้ ก็ควรรอให้ลูกเริ่มคอแข็งดีก่อนจะดีกว่า หรือหลังจาก 3 เดือนไปแล้วนั่นเอง
ข้อดีของเปลชนิดนี้
- มีขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่จนเกินไป จึงสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย และเคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก
- ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด จึงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดี แม้บ้านมีขนาดเล็กก็ใช้ได้อย่างหมดกังวล
- ด้วยการออกแบบให้สามารถโยกเปลได้ในจังหวะที่พอเหมาะ จึงทำให้ลูกน้อยรู้สึกเพลิดเพลินและนอนหลับได้อย่างสบาย แถมหลับยาวนานมากขึ้นอีกด้วย
ข้อเสียของเปลชนิดนี้
- มีขนาดที่พอดีกับตัวเด็กมากเกินไป ส่งผลให้ลูกน้อยนอนได้อย่างเดียว ไม่สามารถพลิกตัวหรือเคลื่อนไหวบนเปลได้ บางครั้งจึงอาจทำให้ลูกรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ
- มีราคาสูงพอสมควร แต่ความคุ้มค่าในการใช้งานก็ไม่ค่อยแตกต่างกับเปลไกวเด็กแบบธรรมดามากนัก
วิธีการเลือกซื้อ เพื่อให้ได้เปลที่เหมาะสมที่สุด
เพราะเปลโยกมีหลายแบบหลายขนาด และมีการใช้วัสดุในการผลิตที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรเลือกให้ดี เพื่อให้ได้เปลที่มีความเหมาะสมกับลูกน้อยที่สุด โดยเราก็ได้นำวิธีการเลือกซื้อมาแนะนำกันดังนี้
1.เบาะต้องทำจากเนื้อผ้าคุณภาพ
เบาะของเปลโยกที่ให้ลูกนอน ควรจะมีความนุ่มสบาย ทำมาจากเนื้อผ้าที่มีคุณภาพและเหมาะกับผิวเด็กโดยเฉพาะ คือใช้แล้วจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวเด็กนั่นเอง ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คดูให้ดีก่อนซื้อ ว่าเบาะทำมาจากเนื้อผ้าอะไร โดยอาจลองใช้มือลูบดูเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวลูกก็ได้
2.ความปลอดภัยจากการใช้งาน
เปลที่ดีควรจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เช่น มีเข็มขัดรัดอย่างดี มีตัวล็อกล้อ และต้องไม่มีส่วนใดของเปลที่แหลมคมออกมาเด็ดขาด เพราะความปลอดภัยของลูกเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่าได้มองข้ามเลยเชียว
3.ควรปรับเอนนอนได้หลายระดับ
เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการนอนของลูกมากขึ้น เปลที่เลือกควรจะมีการปรับเอนนอนได้อย่างหลายระดับ เพื่อปรับให้ลูกได้นอนหลับอย่างสบายมากขึ้นในท่าที่เหมาะสม โดยไม่ทำให้คอเคล็ด และไม่ต้องอุ้มลูกไปนอนบนที่นอนทุกครั้งหลังจากลูกหลับบนเปล เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกตัวตื่นและไม่ยอมนอนได้นั่นเอง
4.โครงสร้างมีความแข็งแรง
โครงสร้างของเปลก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหากโครงสร้างไม่แข็งแรง นอกจากจะทำให้เปลพังง่ายแล้ว ยังเสี่ยงอันตรายกรณีที่เกิดการชำรุดในขณะที่ลูกกำลังนอนอยู่บนเปลอีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบโครงสร้างของเปลเด็ดขาด โดยเฉพาะที่ขาเปล ซึ่งควรทำมาจากเหล็กหรือวัสดุที่มีคุณภาพดี
5.การรับน้ำหนักของเปล
เพราะลูกน้อยโตขึ้นทุกวัน ดังนั้นหากคุณต้องการให้สามารถใช้เปลโยกได้อย่างยาวนานและคุ้มค่า ก็ต้องดูว่าเปลสามารถรองรับน้ำหนักได้มากแค่ไหน และลองเปรียบเทียบกับน้ำหนักของลูกดู เพื่อประเมินว่าเจ้าตัวน้อยจะสามารถใช้เปลชนิดนี้ได้นานถึงกี่ปี และมีความคุ้มค่าหรือไม่นั่นเอง
6.มีการรับประกัน
และที่สำคัญเลยก็คือการรับประกันสินค้านั่นเอง เพราะนั่นเป็นตัวการันตีความมีคุณภาพของสินค้า และทำให้คุณสบายใจมากขึ้นอีกด้วย เพราะหากเปลชำรุดเสียหายในระยะเวลาที่อยู่ในประกัน ก็สามารถส่งเคลมฟรีได้นั่นเอง โดยทั้งนี้การรับประกันควรมีระยะเวลาอยู่ที่ 1 ปีขึ้นไป
อยากให้ลูกน้อยนอนหลับสบาย เปลโยกก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นมาเลือกเปลชนิดนี้ให้กับลูกรักของคุณกันสิ
Photos from : nana2kids.com
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..