คุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลว่าจะคุมกำเนิดแบบไหนดี เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะได้ผลดีมากแค่ไหน และการคุมกำเนิดแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง วันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดยาคุมกําเนิดมาฝากกัน ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดที่หลายคนนิยม เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะลืม แค่ไปฉีดเดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนครั้งเท่านั้นเอง

ฉีดยาคุมกําเนิด คืออะไร

การฉีดยาคุมกําเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะใช้การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่ยังไม่ต้องการมีบุตร หรือต้องการเว้นระยะห่างของการมีบุตร โดยจะต้องฉีดในระยะเวลาที่แพทย์กำหนด โดยหลังจากได้รับการฉีดยาแล้ว ตัวยาจะค่อยๆ ขับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเพื่อยับยั้งการตกไข่ จึงทำให้ไม่มีไข่มารอเพื่อปฏิสนธิ อีกทั้งยังทำให้เยื่อโพรงมดลูกมีความบางไม่เหมาะสมในการฝังตัวของไข่ รวมถึงการทำให้ปากมดลูกมีมูกเหนียวข้นมากขึ้น จนทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปในผสมกับไข่ได้นั่นเอง

ข้อดีของการฉีดยาคุม

การฉีดยาคุมกําเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบหนึ่ง ที่ได้ผลดีต่อสุขภาพผู้หญิง และยังเป็นวิธีที่สะดวก ไม่ต้องกลัวลืมกินเหมือนการกินยาคุม โดยส่วนใหญ่มีข้อดีดังนี้

1.คุมกำเนิดได้ยาวนานต่อเนื่อง 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดยาฉีดคุมกำเนิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินยาคุมทุกวัน

2.ไม่มีผลต่อการให้นมบุตร โดยการที่คุณแม่ฉีดยาคุมกําเนิด ชนิดเมดรอกซีโปรเจสเทอโรน สามารถฉีดได้แม้อยู่ในช่วงให้นมบุตร จะไม่ส่งผลต่อต่อมน้ำนม

3.ช่วยแก้ปัญหารอบเดือนที่ผิดปกติได้ รวมถึงคนที่มีอาการปวดท้องก่อนมีรอบเดือน หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ รวมทั้งในคนที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ก็สามารถฉีดยาคุมกําเนิด เพื่อบรรเทาอาการได้

4.ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งที่ผนังมดลูก ซีสต์ที่รังไข่ และการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ และยาคุมกำเนิดยังช่วยลดความรุนแรงลงได้อีกด้วย

5.หากต้องการหยุดคุมกำเนิดก็ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ เมื่อถึงเวลาที่อยากมีลูก ก็แค่หยุดฉีดยาคุมเท่านั้น เพียงแค่ต้องรอเวลาให้ประสิทธิภาพของยาลดลงไปจนหมดก่อน

ข้อเสียของการฉีดยาคุม

การฉีดยาคุมมีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็อยู่ในระระเวลาไม่นาน เพียง 1-3 เดือนตามชนิดของยาคุมที่ฉีด ซึ่งมีข้อเสียดังนี้

1.ต้องฉีดยาคุมอย่างต่อเนื่อง

การฉีดยาคุมกำเนิดแต่ละครั้งสามารถป้องกันการมีบุตรได้ไม่เกิน 1-3 เดือน หากจำเป็นต้องใช้วิธีนี้คุมกำเนิดด้วยการฉีดอย่างต่อเนื่อง ก็ควรฉีดยาคุมให้ตรงตามกำหนดเวลาที่แพทย์นัดหมาย เพื่อช่วยให้ยาคงประสิทธิภาพไว้ได้มากที่สุด

2.อาจเกิดผลข้างเคียงแม้หยุดใช้แล้ว

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาฉีดคุมกำเนิด จะมีผลต่อร่างกายไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าระดับฮอร์โมนในร่างกายคุณแม่จะกลับมาเป็นปกติ

3.ประสิทธิภาพของยานานกว่ายาคุมชนิดรับประทาน

การฉีดยาคุม จะทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนที่ช่วยในการคุมกำเนิด จึงทำให้มีระยะเวลาที่ต้องให้ฮอร์โมนสลายตัวหมดก่อนจึงจะตั้งครรภ์ได้ ในคุณแม่บางรายอาจใช้เวลานานถึง 1 ปี จึงจะกลับมาตั้งครรภ์ได้ อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ใช้ยาคุมแบบฉีด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฉีดยาคุมติดต่อกันเป็นเวลานานก็ตาม

4.ประจำเดือนผิดปกติ

คุณแม่ที่ได้รับการฉีดยาคุมกําเนิด ชนิดเมดรอกซีโปรเจสเทอโรนติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อน หรืออาจจะมามาก หรือน้อยก็ได้ แต่ในคุณแม่บางราย หลังจากฉีดยาคุมกำเนิดติดต่อกันมามากกว่า 12 เดือน อาจประจำเดือนขาดได้เหมือนกัน

Sponsored

5.ทำให้เสี่ยงภาวะกระดูกพรุน

การฉีดยาคุมแบบฉีดชนิดเมดรอกซีโปรเจสเทอโรน ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อกระดูกพรุน ทำให้มวลกระดูกลดลงได้

ฉีดยาคุมแบบ 1 เดือนหรือ 3 เดือนดีกว่า

ฉีดยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือน กับ 3 เดือน แบบไหนดีกว่ากัน  เรามาดูกันเลย

1.ฉีดยาคุมแบบ 1 เดือน

เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินหมอจะนัดฉีดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้งซึ่งประจำเดือนจะมาตามปกติทุกเดือน แต่ไม่เหมาะกับผู้ให้นมบุตร เพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง ส่วนผลข้างเคียงของการฉีดยาคุมกําเนิด อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งคุณแม่บางท่านอาจจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ โดยอาการข้างเคียงที่พบในแบบ 1 เดือน คือประจำเดือนมาไม่ปกติ เลือดออกกะปริดกะปรอย ปวดหรือเวียนศีรษะ รวมถึงมีอาการคัดตึงเต้านม

2.ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน

เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (ฮอร์โมนโปรเจสติน)หมอจะนัดฉีดทุกๆ 3 เดือน ช่วงที่ฉีดในระยะ 3 เดือนจะไม่มีประจำเดือนมาเลย แต่ไม่ได้เป็นผลเสียต่อสุขภาพเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร โดยอาการข้างเคียง เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอย  ปวดกระดูก ช่องคลอดแห้ง โพรงกระดูกพรุน แต่เมื่อหยุดรับการฉีดยาคุม กระดูกจะกลับมาเป็นปกติถ้ามีการบำรุงอย่างดี

การฉีดยาคุม ทั้งแบบ 1 เดือน และ 3 เดือน เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานะ และความสะดวกของคุณแม่ที่จะเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะสมกับตัวคุณแม่เองเป็นการดีที่สุด

= = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่ https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about growing up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ฝังเข็มยาคุม ท้องได้ไหม? ข้อดีข้อเสีย การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้

2.ยาคุมกำเนิดผู้ชาย ผู้หญิงไม่ต้องเป็นฝ่ายคุมกำเนิดเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป