เมื่อตั้งครรภ์ ท้องแรก แล้ว สุดยอดปรารถนาของว่าที่คุณแม่ทุกคนการมี ครรภ์คุณภาพ และอยากให้เจ้าตัวน้อยคลอดออกมามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง แน่นอนว่าเจ้าตัวน้อยจะแข็งแรงได้นั้นต้องบำรุงกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ การมี ครรภ์คุณภาพ นั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ ตั้งแต่เรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการพบแพทย์ตามที่นัดหมายทุกครั้ง ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ควรปฏิบัติแล้วรับรองว่าจะมีสุขภาพครรภ์ที่ดีอย่างแน่นอนค่ะ
10 ข้อที่คุณแม่ ท้องแรก ควรปฏิบัติ
เมื่อตั้งครรภ์ท้องแรกคุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง นี่คือ 10 ข้อที่คุณแม่ควรทำนั่นเอง
1.การรับประทานอาหาร
เมื่อพูดถึงเรื่องการรับประทานอาหาร คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ใช่ว่ารับประทานไม่ลงก็ไม่กงไม่กินมันเลย อันนี้ขอบอกว่ามีผลเสียต่อเจ้าตัวน้อยนะคะ เพราะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและการนำไปใช้ในการเจริญเติบโตในครรภ์ พยายามเข้าค่ะ รับประทานอาหารหลากหลายในครบ 5 หมู่
แนะนำอาหารที่คนท้องควรกิน มีอะไรบ้างคลิก!!
2.หยุดบุหรี่ ภัยร้ายทำลายครรภ์
สิ่งนี้คงเป็นที่ทราบกันดีนะคะ ไม่เพียงแต่คุณแม่เท่านั้นนะคะที่ควรเลิก ตัวคุณพ่อเองก็หยุดพ่นควันปุ๋ยๆ ด้วยค่ะ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่มีประกาศแจ้งเตือนมาว่า ผู้หญิงที่มีครรภ์ที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงต่อการแท้งสูงถึง 100 % ทั้งนี้เพราะการสูบบุหรี่มีผลต่อการเจริญพันธุ์และการเติบโตของทารกในครรภ์ สำหรับหญิงมีครรภ์มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรได้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่จะ คลอดก่อนกำหนด ทารกมีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อคลอดออกมาแล้ว คุณแม่จะมีน้ำนมน้อยกว่าปกติ นี่เป็นเพียงเหตุผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะคะที่อาจะเกิดอันตรายต่อทั้งแม่และลูกได้ หยุดเถอะค่ะบุหรี่ไม่ดีสำหรับทั้งตัวคุณและลูกน้อย
3.อย่าลืมรับประทานโฟลิกเอซิด
โดยในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรรับประทานโฟลิกเอซิด ทั้งนี้เพราะโฟลิกเอซิด มีกรดที่มีความสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของระบบประสาทส่วนกลางของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ หรือคุณแม่อาจจะรับประทานผักจำพวก บล็อกโคลี่ ผักปวยเล้ง ขนมปังโฮลวีต ถั่วลิสง เพราะอาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยกรดโฟลิคทั้งนั้นค่ะ

4.หยุดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
อย่าลืมนะคะว่าขณะที่คุณดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทารกในครรภ์ก็กำลังดื่มไปกับคุณด้วย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คุณแม่ดื่มเข้าไปนั้น จะเข้าสู่ทารกโดยตรงผ่านทางรก คุณอาจต้องตกใจเมื่อรู้ว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของทารกในครรภ์จะสูงพอ ๆ กับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มสุราเข้าไป แต่ทารกกลับต้องใช้เวลาในการขับสารพิษนี้ออกจากร่างกายมากกว่าถึงสองเท่า
5.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทสุกๆดิบๆ
คุณแม่หลาย ๆ ท่านที่ชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นประเภทซูชิหรือปลาดิบทั้งหลาย ช่วงที่กำลังตั้งครรภ์คงต้องงดอาหารอันแสนอร่อยเหล่านี้ไว้ก่อนนะคะ หรือแม้แต่แหนมหรืออาหารหมักดอง ก็ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากย่อยยาก อีกทั้งเรื่องของพยาธิ สารที่เจือปนในอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้คุณแม่เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสียได้ เพราะยังส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กในครรภ์อีกด้วยอาจมีผลทำให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทสุก ๆ ดิบ ๆ หรือปรุงไม่สุก็ตามแต่ เพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุดค่ะ
6.พบคุณหมอทุกครั้งที่มีการนัด
คุณแม่ควรไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อตรวจดูสุขภาพและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมถึงจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตนเองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดอาการผิดปกติใดเกิดขึ้นก่อนที่คุณหมอนัด เช่น มีเลือดออก หรือมีความรู้สึกความทารกไม่ดิ้นก็อาจไปพบคุณหมอก่อนนัดได้นะคะ เรียกว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอย่าใจเย็นหรือรอให้ถึงวันนัดอาจจะไม่ทันการณ์

7.หลีกเลี่ยงการกินยาที่คุณหมอไม่ได้สั่ง
แน่นอนว่าในช่วงตั้งครรภ์อาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ตัวร้อน อะไรก็ตามแต่มักจะเกิดขึ้นได้ง่าย คุณแม่บางท่านเมื่อปวดศีรษะขึ้นมามักรับประทานยาพาราเซตามอลไว้ก่อน แม้ว่าจะไม่มีคำยืนยันว่ายาพาราเซตามอลมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ก็ตาม แต่ยาตัวนี้มีฤทธิ์สะสมในตับและไตได้ เอาเป็นว่าหากเราทนได้ก็ควรอดทนหรือหาวิธีการอื่นที่ช่วยลดอาการปวด เช่น นวดเพื่อผ่อนคลาย เป็นต้น หรือถ้าคุณแม่ท่านใดมีโรคประจำตัวก็ให้แจ้งคุณหมอตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปฝากครรภ์เพื่อคุณหมอจะได้ให้คำแนะนำเรื่องการรับประทานยาที่ถูกต้องและเหมาะสมในช่วงตั้งครรภ์ค่ะ
8.พักผ่อนและออกกำลังกายให้เหมาะสมและเพียงพอ
การพักผ่อนและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนท้อง แต่ถ้าคุณแม่มีอาการดังนี้ ก็ควรงดการออกกำลังกาย หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อน ได้แก่
- มีปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เช่น เนื้องอกมดลูกโต ๆปากมดลูกเปิดก่อนกำหนดครรภ์แฝด
- กำลังมีเลือดออกจากช่องคลอด หรือมีประวัติ เลือดออกขณะตั้งครรภ์
- มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด ข้อนี้เป็นข้อห้ามเด็ดขาด นอกจากนี้อาจมีอาการหรือโรคที่เป็นอยู่แล้วบางอย่างก่อนหรือขณะตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
แต่ถ้าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มีสุขภาพร่างกายที่เป็นปกติและไม่มีข้อห้ามใดๆจากคุณหมอ การออกกำลังกายจะส่งผลดีต่อทั้งตัวคุณแม่เองและต่อทารกในครรภ์ สิ่งสำคัญก่อนออกกำลังกายใดๆก็ตามควรทำการ warm ร่างกายก่อนสัก 5-10 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำได้จะดีมาก และมักจะทำได้ดีในครึ่งแรกของการตั้งครรภ์คือ ก่อน 5 เดือน หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจะทำให้ออกกำลังกายลำบากขึ้น และมีข้อจำกัดมากขึ้น ในการเริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มทำน้อย ๆ ระยะเวลาสั้น ๆ ก่อน เช่น เริ่มต้นที่ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มทุก ๆ 5 นาทีต่อสัปดาห์ จนถึงวันละ 30 นาที สำหรับกีฬาที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดิน เป็นต้น
ข้อแนะนำ
1. หลังครรภ์ 3 เดือนแล้ว ไม่ควรออกกำลังกายอะไรที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อและกระดูกหลัง
2. หลีกเลี่ยงออกกำลังกายมาก ๆ ในที่ร้อน อบอ้าว หรือ ขณะที่มีไข้
3. ใส่เสื้อผ้าที่อากาศถ่ายเทสะดวก
4. ใส่ยกทรงที่พยุงทุก ๆ ส่วนของเต้านม
5. ดื่มน้ำมาก ๆ ขณะออกกำลังกาย
6. รับประทานอาหารให้เพียงพอ
9.การติดเชื้อปรสิต
เชื้อปรสิตที่ว่านี้จะมาจากไหน ขอบอกเลยค่ะว่าคุณแม่ท่านใดที่เลี้ยงสุนัข หรือโดยเฉพาะเจ้าแมวเหมียวช่วงท้องเป็นอันว่าห่างๆกันไว้จะดีที่สุด เพราะแมวนั้นมักจะได้รับเชื้อปรสิตมาจากากรกินเจ้าหนูหรือนกที่มันชอบจับมากินหรือเล่น เชื้อปรสิตจะเข้าสู่ร่างกายของแมว เมื่อมันถ่ายออกมาก็จะมีเชื้อปรสิตนี้ออกมาด้วย เมื่อเรามีการสัมผัสกอดรัดฟัดหวี่ยงอย่างที่เราเคยทำ เข้าเชื้อปรสิตนี้อาจผ่านเข้าสู่ร่างกายเราและส่งผ่านไปยังทารกได้ เช่น เมื่อคุณแม่หยิบจับอาหารรับประทานเข้าปาก เชื้อก็จะเข้าสู่ทารกในครรภ์ได้ง่าย ทั้งนี้รวมถึงการกินผักผลไม้สดต้องล้างทำความสะอาดให้ดีที่สุดเพื่อความมั่นใจค่ะ
10.อารมณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
หญิงตั้งครรภ์มักจะมีสภาพอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง ขึ้นๆลงๆ หงุดหงิดง่าย เบื่อ เซ็ง เหล่านี้เป็นต้น ทางที่ดีเราควรปฏิบัติตนให้อยู่ในสภาวะที่ไม่ตึงเครียด หลีกเลี่ยงสถานที่หรือบุคคลที่ทำให้เรารู้สึกเครียดหรือเป็นทุกข์ เพราะอารมณ์นั้นจะส่งผลถึงทารกในครรภ์ เชื่อกันว่า คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มักจะอารมณ์หงุดหงิดอยู่เสมอ ลูกที่คลอดออกมาจะเป็นเด็กโยเยเลี้ยงยากนะคะ แบบนี้คุณแม่คงไม่ปรารถนาอย่างแน่นอนใช่ไหมคะ เพราะใครก็อยากให้ลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่ายไม่ร้องไห้โยเยจนเกินไปนัก ต้องเริ่มที่ตนเองเสียตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ อันนี้เป็นคำแนะนำของผู้เขียนเองนะคะ เพราะตนเองได้ปฏิบัติแล้เห็นผลดีค่ะ คือ ตอนตั้งครรภ์ก่อนนอควรสวดมนต์และนั่งสมาธิ คุณแม่ที่อาจไม่เคยปฏิบัติก็เริ่มตั้งแต่บทสวดสั้นๆและนั่งสมาธิวันละ 5-10 นาทีก็ได้ค่ะ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวยนะคะ ท่านั่งไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิก็ได้เพราะเมื่อท้องโตมากๆจะค้ำท้องค่ะ นั่งในท่าที่เราสบายที่สุดค่ะ เมื่อเราฝึกไปเรื่อยๆจิตใจของเราจะสงบ เชื่อไหมค่ะว่า ลูกคนเล็กที่คลอดออกมาเลี้ยงง่ายไม่โยเย
สรุป
10 เคล็ดลับตั้งครรภ์ ท้องแรก อย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่เรื่องยากเลยแต่ได้ผลดีอย่างมาทั้งแต่ตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์อีกด้วย เพราะฉะนั้นมาทำตามเคล็ดลับเหล่านี้กันดู
อ้างอิงข้อมูลจาก หนังสือ pregnancy handbook
= = = = = = = = = = = =