เวลาสำคัญแห่งการรอคอยก็มาถึงตั้งครรภ์แล้วจ้า แต่อะไรล่ะคือ สัญญาณเตือนให้รู้ว่าตั้งครรภ์ จริงๆ เพราะแต่ละคนอาจจะมีอาการที่แตกต่างกัน ลองมาตรวจสอบอาการเหล่านี้กันซึ่งแต่ละคนอาจจะมีเพียงแค่ข้อหรือสองข้อหรือบางคนอาจจะมีเต็มสอบเลยก็ได้ อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นเพื่อต้อนรับสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิตของเรา “ลูกแม่”

10 สัญญาณเตือนให้รู้ว่าตั้งครรภ์ ชัวร์ๆ

1.ปวดเกร็งมดลูก

– อาการปวดเกร็งมดลูกและอาจมีเลือดไหลกะปริดกะปรอยร่วม คือ หลังจากที่ประจำเดือนหมดไป 8-10 วันและถึงกำหนดที่จะมีประจำเดือนในครั้งต่อไปไม่นาน

– อาการเลือดออกกะปริดกะปรอยดังกล่าวนี้ก็เนื่องมาจากตัวอ่อนกำลังทำการฝังตัวเข้ากับผนังมดลูก เลือดที่เกิดจากการฝังตัวนี้จะแตกต่างจากเลือดประจำเดือนต้องสังเกตดูให้ดีๆนะคะ เพราะเลือดที่ออกมานั้นจะมีปริมาณน้อยและมีสีอ่อนจนดูคล้ายเป็นเลือดสีชมพู

– นอกจากนี้ยังมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือนเพราะมีการหดเกร็งมดลูกอาการนี้จะทุเลาลงจนกว่าตัวอ่อนจะฝังตัวในตำแหน่งกระดูดเชิงกรานก็ประมาณ 3-6 เดือนค่ะ

– อาการปวดเกร็งมดลูกนี้ จะเป็นอยู่ตลอด และจะเป็นมากขึ้นเมื่อเราออกกำลังกาย การมีเพศสัมพันธ์ หรือเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็วในบางครั้ง

2.แพ้ท้อง

– สัญญาณนี้แทบจะไม่มีใครไม่เป็น หาได้น้อยคนค่ะที่โชคดีไม่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ เวียนหัว ปวดหัว ตัวร้อน (อาจเรียกได้ว่าอาการแพ้ท้องเป็นรสชาติของชีวิตได้เหมือนกันนะคะ)

– อาการแพ้ท้องนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ มักจะเกิดภายใน 5-10 สัปดาห์ ในช่วงนี้คุณจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว และมีน้ำลายมากกว่าปกติ

– อาการแพ้ท้องมักจะเกิดขึ้นในช่วงเช้าเนื่องจากปริมาณโลหิตไหลเวียนมีมากขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนัก มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง เพราะเลือดจำนวนมากถูกขังอยู่ในช่องท้องสำหรับเลี้ยงทารก นอกจากนี้ทารกในครรภ์ยังต้องการธาตุเหล็กมาก เกิดการดึงธาตุเหล็กจากร่างกายคุณแม่อีกทั้งการตั้งครรภ์ยังทำให้ความดันโลหิตต่ำ จึงเกิดอาการเวียนศีรษะได้ง่าย

– ช่วงนี้คุณแม่ต้องใช้ความอดทนให้มากๆเพราะจะเป็นช่วงที่เราโทรมมากๆเลยค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะอาการเหล่านี้มักจะหายไปในช่วงสัปดาห์ที่ 16 อดทนหน่อยนะคะ สู้ๆเพื่อลูกค่ะคุณแม่ทุกคน

3.ฐานเต้านมมีสีเข้ม เมื่อว่าที่คุณแม่สำรวจร่างกายของตนเองอาจจะตกใจว่า อุ๊ย! ทำไมฐานเต้านมของฉันมีดำอย่างนี้ ดูไม่สวยเอาเสียเลย อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะลองมาฟังทางนี้ ในช่วงต้นๆของการตั้งครรภ์หัวนมและฐานเต้านมจะมีสีเข้มขึ้นและขยายวงกว้างมากขึ้น มีความเชื่อกันว่าจะทำให้ทารกที่เกิดมาหานมดูดได้ง่าย อันนี้เป็นความเชื่อนะคะเท็จจริงยังไงไม่ทราบเหมือนกันรู้แต่ว่าสัญชาติญาณของทารกเมื่อเกิดมาก็หานมแม่ดูดได้เลย เก่งจริงๆลูกเรา นอกจากนี้ว่าที่คุณแม่จะสังเกตเห็นว่ามีตุ่มเล็กๆขึ้นบริเวณรอบๆหัวนมและมีเส้นเลือดบริเวณเต้านมชัดเจนมากกว่าปกติ สำหรับตุ่มๆที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆหัวนมยังกระจายไปตามฐานนมแถมยังมีขนาดและจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม อาจจะมีประมาณ 4-28 ตุ่มกันเลยทีเดียว

4.อาการเจ็บ คัด บริเวณเต้านม สัญญาณนี้จะเกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์  ว่าที่คุณแม่จะรู้สึกว่าตนเองมีขนาดหน้าอกหน้าใจใหญ่ขึ้นกว่าปกติ อาการนี้จะคล้ายกับช่วงที่กำลังจะมีประจำเดือน แต่อาการของผู้ที่ตั้งครรภ์จะรู้สึกว่าเต้านมจะคัดตึงมากกว่า นั่นเป็นเพราะร่างกายกำลังเตรียมความพร้อม เพื่อสร้างน้ำนมสำหรับเลี้ยงดูทารกต่อไป ซึ่งอาการนี้จะหายไปหลังจากตั้งครรภ์ผ่านไปประมาณ 12 สัปดาห์ค่ะ

5.อาการปัสสาวะบ่อย ในช่วง 3 เดือนแรก คุณแม่จะพบว่าตนเองปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ  นั่นเป็นเพราะมีปริมาณเลือดในร่างกายของคุณเพิ่มขึ้น ประกอบกับมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ ผลให้ไตที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย ต้องกลั่นกรองปัสสาวะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงมีการปรับตัวเมื่อมีปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เลือดผ่านไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าเดิม เมื่อเลือดไหลผ่านไตมากกว่าเดิมจึงส่งผลให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเดิมค่ะ

Sponsored

นอกจากนี้อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทารกในครรภ์ขยายตัว ไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้สามารถจุปัสสาวะได้น้อยลง แต่อาการนี้เมื่อผ่านไปสักระยะจะเป็นน้อยลงจนจางหายไป เพราะมดลูกอยู่สูงขึ้น ไม่มากดทับกระเพาะปัสสาวะ และจะเป็นอีก ครั้งเมื่อใกล้คลอด

6.อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาการนี้มักจะพบในระยะ 8-10 สัปดาห์ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์  เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังปรับตัวเพื่อให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ อาหรดังกล่าวนี้ไม่น่าห่วงค่ะเพราะจะเริ่มหายไปจนเป็นปกติในราวสัปดาห์ที่ 12 ค่ะ

7.อาการท้องผูก หญิงตั้งครรภ์มักจะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นมากมายร้อยแปด อีกอาการหนึ่งที่อาจไม่พึงประสงค์ คือ อาการท้องผูกแม้บางคนคิดว่าตนเองก็รับประทานผักผลไม้อยู่แล้ว แต่สาเหตุนื้เองมาจากร่างกายผลิตฮอร์โมนตัวหนึ่งออกมา คือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีผลทำให้ลดประสิทธิภาพในการหดตัวของลำไส้จึงทำให้เราอาจเกิดอาการท้องผูกนี้ได้ค่ะ  แต่บอกไว้ก่อนนะคะหากจะรับประทานยาถ่ายต้องปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่แนะนำให้รับประทานเองเพราะจะมีผลต่อทารกในครรภ์ได้

8.อุณหภูมิช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น สำหรับอาการอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นนั้นสาเหตุเกิดจากไข่กำลังเดินทางไปตามท่อรังไข่เพื่อไปฝังตัวที่มดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ สำหรับอาการอุณหภูมิช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้นจะรู้ได้อย่างไร สังเกตได้จากอาจจะมีอาการเส้นเลือดโป่งพอง หรือบางคนเกิดอาการริดสีดวงขึ้นมาก็ได้ค่ะ

9.ประจำเดือนขาด บางท่านอาจจะมีประจำเดือนมาตรงกันทุกเดือนยิ่งทำให้สังเกตได้ง่าย ซึ่งเป็นเกณฑ์บอกคุณได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ถ้าคุณประจำเดือนขาดและมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ร่วมด้วย แสดงว่าคุณมีโอกาสตั้งครรภ์สูงเช่นกัน

10.ผลทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นบวก วิธีการนี้คือขั้นตอนสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดอีกตัวหนึ่งว่าคุณกำลังจะได้เป็นคุณแม่คนใหม่หรือไม่ การทดสอบทำได้เมื่อประจำเดือนของคุณขาดไปไม่ถึงวันก็ได้ แต่การทดสอบที่แม่นยำจริงๆนั้นจะอยู่ในช่วง 10-14 วันหลังปฏิสนธินะคะ

หากคุณแม่มีสัญญาณเตือนเช่นนี้แล้ว อย่ารอช้า รีบไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ คุณหมอจะได้ดูแลให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อแม่ตั้งครรภ์

อ้างอิงข้อมูลจาก www.madeformums.com/getting-pregnant

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ทำความรู้จักกับสารอาหารในนมแม่ เช็คสิ มีอะไรบ้าง

2.7 วิธีดูแล ทำความสะอาดเต้านม พร้อมกระตุ้นน้ำนมแม่