คุณแม่รู้ไหมว่าการหายใจมีส่วนช่วยในการระงับความโกรธ อารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดได้ และยังส่งผลดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะพคุณแม่ไปดูวิธีระงับความโกรธ ด้วยการฝึกหายใจกันค่ะ โดยมีทั้งวิธีสำหรับคุณแม่และลูกรักเลยทีเดียว ไปดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

การฝึกหายใจ ระงับความโกรธสำหรับคุณแม่

การหายใจแบบเดิมๆ ก็ทำอย่างชำนาญกันทุกคนอยู่แล้ว แต่การหายใจเพื่อระงับความโกรธทำแบบไหนกันบ้าง เรามาดูกันเลย

  1. หายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกช้าๆ ทำซ้ำ10 ครั้ง โดยยังไม่ต้องกำหนดการนับ ซึ่งจะช่วยดับอารมณ์โกรธเบื้องต้นให้เย็นลงก่อ
  2. การหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกอย่างช้าๆ โดยขณะหายใจเข้าจนสุด จนหน้าท้องป่องแล้ว ให้กลั้นลมหายใจไว้สักครู่ นับ 1-10 แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปากช้าๆ ขณะปล่อยลมออกหน้าท้องจะแฟบลง ทำซ้ำๆ 10 ครั้ง วิธีการนี้จะช่วยให้รู้สึกโล่งขึ้น อารมณ์สงบลงได้

การฝึกลมหายใจ นอกจากจะช่วยระงับอารมณ์โกรธได้แล้ว ยังสามารถบรรเทาอาการเจ็บท้องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อีกด้วย เพียงฝึกการหายใจให้ถูกวิธีเท่านั้น คลิกไปดูกันเลย

เทคนิคการฝึกหายใจ สำหรับลูกรัก

เทคนิคการหายใจสำหรับเด็กมีหลายประเภท ซึ่งที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

1.เทคนิคการหายใจแบบ Bumblebee

วิธีระงับความโกรธด้วยการหายใจแบบนี้ จะต้องให้ลูกนั่งในท่าที่ผ่อนคลายหรือนั่งขัดสมาธิใช้ขาทับไขว้กันก็ได้ จากนั้นให้หายใจเข้าลึกๆ ผ่านทางรูจมูก โดยนับ1-4 และหายใจออกให้ทำเสียงคล้ายผึ้งบิน หรือฮัมเพลงในลำคอพร้อมกับปล่อยลมหายใจออกมา นอกจากนี้อาจจะใช้นิ้วอุดหูขณะหายใจออกด้วยก็ได้ ซึ่งในเด็กบางรายอาจจะหลับตาเพื่อช่วยให้ตัวเองรู้สึกสงบมากขึ้น โดยเทคนิคเหล่านี้หากลูกได้ฝึกจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสงบทางด้านอารมณ์มากกว่าเดิม

2.เทคนิคหายใจแบบใช้ท้อง

เทคนิคการหายใจแบบใช้ท้องเป็นเทคนิคที่ทำได้ง่าย ซึ่งเด็กๆ สามารถฝึกการควบคุมการหายใจได้โดยเริ่มจากการ หายใจเข้าทางจมูกจากนั้นให้ทำเหมือนกับว่าท้องค่อยๆ พองขึ้นเรื่อยๆ ตามลมหายใจที่เข้าไป แล้วหยุดลมหายใจไว้สักครู่จึงปล่อยลมหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ หยุดพักประมาณ 2 วินาทีหลังจากนั้นก็ให้ทำซ้ำในขั้นตอนเดิมต่อไป อาจจะใช้เวลาในการฝึกหายใจ 20-30 นาทีก็ได้

3.เทคนิคการหายใจโดยใช้ฟองสบู่

วิธีการหายใจแบบนี้เป็นสิ่งที่เด็กๆ มักจะชื่นชอบ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องสนุกที่ได้เล่นฟองสบู่ด้วย แต่จริงแล้วเป็นการฝึกลมหายใจให้เด็กๆ ได้รู้จังหวะการหายใจอย่างถูกต้อง ผ่านการเป่าฟองสบู่เพื่อให้มีการโป่งมากที่สุด โดยวิธีนี้สามารถควบคุมอารมณ์และความโกรธได้ดี ซึ่งหลังจากลูกได้เป่าฟองสบู่ฟองแรกไปแล้วให้รอสักครู่ แล้วถึงจะเป่าฟองสบู่ฟองต่อไป เป็นการสร้างความสนุกสนานให้กับเด็ก และทำให้พวกเขามีอารมณ์แจ่มใส จิตใจเบิกบานอีกด้วย

4.เทคนิคการหายใจแบบ 5 นิ้ว

เทคนิคการหายใจแบบ 5 นิ้วนี้สามารถฝึกเด็กในคราวละหลายคน โดยเฉพาะในโรงเรียน ซึ่งวิธีการฝึกหายใจให้เริ่มจากการให้เด็กนั่งตัวตรง หรือยืนหลังตรง จากนั้นให้ยื่นมือออกมาทั้ง 5 นิ้ว กางแยกออกจากกัน เมื่อเด็กหายใจเข้าออกหนึ่งครั้งให้นับนิ้วมือ 1 นิ้ว  เป็นการฝึกให้เด็กมีใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจและการนับนิ้วนั่นเอง

5.เทคนิคการหายใจแบบภูเขา

Sponsored

ให้เด็กนั่งในท่านั่งหรือยืนก็ได้ และหายใจเข้าพร้อมกับยกแขนขึ้นเหนือศีรษะประสานเข้าหากัน โดยให้เด็กจินตนาการว่าตัวเองใหญ่เท่าภูเขาที่สูงใหญ่ และหายใจออกทางปาก ตามด้วยเลื่อนมือลงมาบริเวณหน้าอก โดยการฝึกลมหายใจแบบนี้จะทำให้เกิดสมาธิที่จดจ่ออยู่กับการใช้จินตนาการว่าตัวเองสูงใหญ่เท่าภูเขา

6.เทคนิคการหายใจแบบยกไหล่

การหายใจแบบยกไหล่เหมาะกับเด็กที่กำลังโกรธให้ใจเย็นลง ซึ่งการฝึกหายใจแบบนี้ เริ่มจากให้เด็กนั่งไขว้ขาจากนั้นให้หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ พร้อมกับยกไหล่ขึ้นให้ถึงบริเวณใบหู หลังจากนั้นจึงหายใจออกพร้อมกับยกไหล่ลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเทคนิคนี้นอกจากจะทำให้เกิดผลดีกับเด็กแล้ว ยังสามารถใช้กับผู้ใหญ่ได้อีกด้วย โดยจะช่วยลดความเครียดความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน รวมถึงช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นกว่าเดิม

7.เทคนิคการหายใจแบบบอลลูนลมร้อน

เทคนิคการหายใจแบบบอลลูนลมร้อนนี้ จะช่วยในการผ่อนคลายอารมณ์และยังช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆ อย่างก้าวไกลอีกด้วย โดยวิธีการฝึกให้เริ่มจากการนั่งในท่าขาทับกัน จากนั้นนำมือมาป้องบริเวณปากและหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก และหายใจออกทางปาก ในขณะหายใจออกให้ทำมือเหมือนกำลังเป่าบอลลูนลมร้อนอยู่ จากนั้นให้เลื่อนมือออกไปก็จะเหมือนกับว่าบอลลูนกำลังเคลื่อนไหว ซึ่งแนะนำให้ฝึกแบบนี้ประมาณ 10-15 นาที

ข้อดีของการให้ลูกฝึกหายใจ

การฝึกลมหายใจมีผลดีต่อการพัฒนาสมองของเด็ก เนื่องจากขณะฝึกจะช่วยให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น และยังช่วยในการพัฒนาด้านอื่นๆ ด้วยดังนี้

  • ช่วยลดความเครียด
  • ช่วยบรรเทาความโกรธ กังวล
  • ช่วยให้สงบ
  • ช่วยควบคุมอารมณ์
  • ช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมที่ดี
  • ช่วยให้มีสมาธิ
  • พัฒนาความจำ
  • ช่วยลดอัตราการเต้นหัวใจและลดความดันโลหิต

เทคนิคการหายใจต่างๆ เหล่านี้เมื่อนำมาฝึกให้กับเด็กๆ แล้วจะช่วยลดความเครียดความกังวลลงได้โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการโมโห ฉุนเฉียว หรือโกรธง่าย หากได้รับการฝึกฝนด้านการฝึกลมหายใจบ่อยๆ จะทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะสมองได้ดีมากทีเดียว ดังนั้นมาฝึกลูกหายใจกันเถอะ

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.เสื้อผ้าเด็กมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี ให้เหมาะกับลูกรัก

2.รีวิวชุดเด็ก Enfant โดนใจลูกน้อย ถูกใจคุณพ่อ