โรคไอกรณในเด็ก เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่คล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดา จึงทำให้คุณแม่ส่วนใหญ่มองข้ามโดยไม่รู้เลยว่าโรคนี้มีอันตรายจนถึงขั้นอาจพรากชีวิตลูกน้อยของคุณไปได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นมาทำความเข้าใจกับโรคไอกรณเพื่อเตรียมตัวรับมือกับโรคร้ายนี้กันเลยดีกว่า ซึ่งเราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณแม่ได้ศึกษาและทำความเข้าใจกันดังนี้

โรคไอกรณในเด็ก เกิดจากอะไร

โรคไอกรณ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่ผู้อื่นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วมาก สามารถเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่จะพบได้บ่อยในเด็ก เพราะยังมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้สูง โดยพบว่าในเด็กเล็กมักจะมีอาการที่รุนแรงมาก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นพ่อแม่จึงควรสังเกตให้ดี ว่าลูกรักมีอาการป่วยเป็นโรคไอกรณหรือไม่ จะได้ทำการรักษาได้ทันและไม่เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดนั่นเอง

อาการของโรคไอกรณ

สำหรับอาการของโรคไอกรณ เมื่อเด็กติดเชื้อจะมีอาการที่แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

1.มีไข้ต่ำๆ ไอ และมีน้ำมูก ซึ่งจะคล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดา ทำให้พ่อแม่ไม่เอะใจและคิดว่าลูกแค่ป่วยธรรมดาเท่านั้น โดยอาการป่วยของลูกก็จะมีระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงเข้าสู่ระยะที่สอง

2.ระยะนี้ลูกจะเริ่มมีอาการไอหนักขึ้น โดยไอแบบแห้งๆ ไม่มีเสมหะ และไอแบบถี่ๆ ติดกันเป็นชุด ทั้งนี้ในเด็กเล็กบางคนอาจจะไอจนถึงขั้นหน้าเขียว เนื่องจากหายใจไม่ทันเลยทีเดียว พร้อมทั้งมีเสียงหายใจแรงดัง วู้ป ตลอดเวลาอีกด้วย โดยอาการในระยะที่สองนี้จะมีอยู่ประมาณ 2-4 สัปดาห์

3.ระยะฟื้นตัว เป็นระยะที่เริ่มหายจากอาการป่วยแล้ว โดยจะมีอาการไอน้อยลงและค่อยๆ หายเป็นปกติในที่สุด

จึงสรุปได้ว่าระยะที่น่ากังวลที่สุด ก็คือระยะที่สอง เพราะเด็กอาจมีอาการไอจนหายใจไม่ทันและเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นเมื่อลูกมีอาการไออย่างรุนแรงติดต่อกันหลายวัน ก็ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด

วิธีการรักษาเมื่อลูกป่วยด้วยโรคไอกรณ

สำหรับวิธีการรักษา แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะมากิน แต่หากลูกยังเล็กเกินไปและอยู่ในวัยทารกที่ไม่สามารถให้ยาได้ จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เด็กขาดออกซิเจน และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในบางครั้ง ทั้งนี้แพทย์จะวินิจฉัยและประเมินการรักษาจากอาการป่วยของเด็กอีกที

การป้องกันเพื่อห่างไกลจากโรคนี้

โรคไอกรณ เป็นโรคที่มีความอันตรายต่อเด็กเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงควรป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้ลูกป่วยด้วยโรคนี้จะดีกว่า โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้

1.พาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบ

ควรพาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบตามที่กำหนด โดยพาไปให้ตรงตามเวลาที่หมอนัดทุกครั้ง เพราะวัคซีนจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ให้ลูกน้อยมีโอกาสป่วยด้วยโรคไอกรณได้น้อยลง และยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับลูกน้อยได้ดีอีกด้วย

Sponsored

2.หลีกเลี่ยงลูกจากผู้ป่วยไอกรณ

เพราะโรคไอกรณ สามารถติดต่อถึงกันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงลูกน้อยให้ห่างไกลจากผู้ที่ป่วยด้วยโรคไอกรณให้มากที่สุด ก็จะช่วยปกป้องเจ้าตัวน้อยจากโรคไอกรณได้ อย่างไรก็ตามหากโรคนี้เกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็จะเลี่ยงได้ยากมากทีเดียว

3.ฉีดวัคซีนไอกรณตั้งแต่ตอนท้อง

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แนะนำให้คุณแม่ฉีดวัคซีนไอกรณตั้งแต่ตอนท้อง เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกที่คลอดออกมา กรณีที่แม่เป็นโรคไอกรณ และทำให้ลูกมีภูมิต้านทานในระดับหนึ่ง จึงลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคไอกรณได้ดี

จะเห็นได้ว่า โรคนี้มีความอันตรายต่อลูกน้อยมากกว่าที่คิด เพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่ควรชะล่าใจหรือมองข้ามอาการป่วยของลูกเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อลูกมีอาการไอผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที จะได้ทำการรักษาได้ทันนั่นเอง

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.เสื้อผ้าเด็กมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี ให้เหมาะกับลูกรัก

2.รีวิวชุดเด็ก Enfant โดนใจลูกน้อย ถูกใจคุณพ่อ