โนโรไวรัส อาการท้องเสียในเด็ก อาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คุณแม่มือใหม่บางท่านคิด เพราะอาการท้องเสียในเด็กเล็กนั้น มีอันตรายมาก โดยเฉพาะเด็กที่ติดเชื้อ “โนโรไวรัส” ซึ่งคุณแม่รู้หรือไม่ว่า โนโรไวรัสคืออะไร แล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเจ้าตัวน้อยมากเพียงใด วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโนโรไวรัส มาฝากค่ะ

โนโรไวรัส คืออะไร

โนโรไวรัส(NOROVIRUS) เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคท้องเสียในคน ซึ่งจะพบการระบาดได้ทั่วไป คาดว่าผู้ป่วยประมาณ 250 ล้านคน และเสียชีวิตอีก 2 แสนคนต่อปี นั่นเพราะร่างกายติดเชื้อ โนโรไวรัส และส่วนมากจะพบการเสียชีวิตในร่างกายของเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายมีไม่เพียงพอ และสภาพร่างกายไม่แข็งแรงที่ต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ทำให้การติดเชื้อไวรัสตัวนี้รุนแรงขึ้น ซึ่งโนโรไวรัสถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ “Winter Vomiting bug” เพราะมักพบการระบาดในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง

โนโรไวรัสจัดอยู่ใน Family Caliciivtidae เป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมแบบ RNA สายเดี่ยว ชื่อเดิมของมันคือ “Norwalk like viruses” แต่ปัจจุบันเรียกกลุ่มไวรัสนี้ว่า “NOROVIRUSES”

การระบาดของ “โนโรไวรัส (NOROVIRUSES)” เป็นอย่างไร

โนโรไวรัสสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งโนโรไวรัสปริมาณเพียงเล็กน้อย (น้อยกว่า 100 ตัว) ก็สามารถก่อให้เกิดโรคได้ ที่สำคัญโนโรไวรัสนี้ยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบได้เป็นอย่างดี สามารถทนความร้อนได้ถึง 60 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และมีความทนทานต่อน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ รวมถึงแอลกอฮอล์ด้วย สารเครมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้เป็นจำพวก ฟอร์มาลีน กลูตารอลดีไฮด์ หรือสารประกอบจำพวก คลอรีน เช่น โซเดียมไฮโปรคลอไรด์ (2%) ผู้ที่ติดเชื้อโนโรไวรัส สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ ผ่านทางอุจจาระ และการอาเจียน

โนโรไวรัสสามารถติดต่อทางใดได้บ้าง

โนโรไวรัสสามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุกหรือการดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน และผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อโดยตรงค่ะ การที่เด็ก ๆ มักของจับสิ่งของเขาปากก็อาจติดเชื้อได้เพราะสิ่งของเหล่านั้น มีเชื้อโนโรไวรัสเกาะอยู่ การระบาดส่วนมากจะพบในโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถม

การติดเชื้อโนโรไวรัสในเด็ก รุนแรงหรือไม่

เมื่อเด็กเล็กได้รับเชื้อโนโรไวรัสเข้าสู่งร่ายกาย เชื้อจะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น และทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรงได้ ความผิดปกติของการดูดซึมไขมัน และน้ำตาลของลำไส้เล็ก จะทำให้เด็กมีอาการปวดท้อง ร่วมกับมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งโนโรไวรัสนั้น ไม่ใช่ไวรัสใหม่นะคะ เพียงแต่ในประเทศไทยยังไม่มีการกล่าวถึงเท่านั้น เพราะการตรวจยุ่งยาก และยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียในประเทศไทยอีกด้วย

วิธีการสังเกตอาการของเจ้าตัวน้อย

  1. ถ้าลูกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง ภายใน 24 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  2. การขับถ่ายมีลักษณะเหลวติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณแม่ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที ถึงแม้ลูกจะไม่ติดเชื้อโนโรไวรัส แต่ร่างกายอาจติดเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นที่มีอันตรายได้เช่นกัน
  3. ลูกมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง พร้อม ๆ กับปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย คุณแม่ก็ควรพาไปพบแพทย์ทันทีเช่นกันค่ะ
  4. เมื่อร่างกายติดเชื้อโนโรไวรัส ส่วนมากจะมีไข้ต่ำ ๆ ร่วมด้วย แต่บางรายอาจมีไข้สูง 38 – 39 องศาเซลเซียสได้

อาการที่พบทั่วไป หลังจากร่างกายติดเชื้อโนโรไวรัส

Sponsored

เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโนโรไวรัสเข้าไป เชื้อตัวนี้จะก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำให้ลูกไม่สบาย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง และมีอาการท้องเสียพร้อมกับเป็นไข้ คุณแม่ควรสังเกตว่า ถ้าลูกเริ่มมีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย ร่วมกับอาการท้องเสีย เป็นเวลา 12 – 48 ชั่วโมง ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันทีค่ะ สำหรับเด็กบางคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ก็อาจจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน แต่ในเด็กที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำได้ ดังนั้น แนะนำให้คุณแม่ชงน้ำเกลือแร่สำหรับเด็กเตรียมไว้ เพื่อให้ลูกได้จิบทดแทนการเสียน้ำ และเกลือแร่

สำหรับการรักษา ในปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะเจาะจงในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ค่ะ และยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสนี้ด้วย ดังนั้น คุณแม่ที่กำลังเป็นกังวัลแนะนำให้ลองปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ เพื่อป้องกันการลูกติดเชื้อโนโรไวรัสนี้ได้

วิธีป้องกันไม่ให้ลูกติดเชื้อโนโรไวรัส

  1. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ โดยการล้างให้นานพอ (ประมาณ 20 วินาที) ก่อนทานอาหารทุกครั้ง
  2. หลีกเลี่ยงน้ำหรืออาหารที่ไม่สะอาด เพราะอาจมีเชื้อโนโรไวรัสสะสมอยู่ได้
  3. การปรุงอาหาร ควรเลือกอาหารที่สด สะอาด ไม่มีกลิ่น ส่วนในการปรุงอาหาร คุณแม่ควรปรุงอาหารให้สุก และสะอาด
  4. ทำความสะอาดทุกส่วนที่ลูกสัมผัสบ่อย ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อโนโรไวรัส

วิธีการป้องกันเชื้อแพร่กระจาย

  1. ทิ้งเศษอาเจียนอย่างระมัดระวัง โดยการใช้ผ้าชุปน้ำหมาด ๆ ค่อย ๆ ซับไม่ให้มีการฟุ้งกระจาย และทิ้งลงในถุงพลาสติก
  2. ควรฆ่าเชื้อไว้รัสในพื้นที่ปนเปื้อนด้วยสารละลายคลอรีนทันที
  3. สำหรับคุณแม่ที่ติดเชื้อโนโรไวรัส ควรงดปรุงอาหารเป็นเวลานานกว่า 3 วัน เพราะคุณอาจจะแพร่เชื้อให้กับลูกน้อยได้
  4. สำหรับเด็กเล็กที่ติดเชื้อโนโรไวรัส ไม่ควรไปโรงเรียนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือให้หายเสียก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อกับเด็กคนอื่น ๆ ได้
  5. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปตามสถานที่สาธารณะ เพราะอาจจะแพร่กระจายให้กับผู้อื่น ๆ ที่มีร่างกายอ่อนแอได้ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำได้

ร่างกายของเด็กเล็กสามารถติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น คุณแม่จะต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะกิน เดิน เล่น หรือเข้าสู่สังคม การดูแลสุขภาพร่างกายของลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ จะทำให้พวกเขาห่างไกลจากเชื้อโรคต่าง ๆ ได้นะคะ

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.15 วิธีผ่อนคลาย ความเครียดในคนท้อง จะรับมืออย่างไร

2.7 อาหารแก้เครียด ที่แม่ท้องควรกิน เช็คสิมีอะไรบ้าง