แผลร้อนในมักเกิดขึ้นได้ในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ หากแผลมีเพียงแค่ตุ่มเดียวไม่มีอาการใดๆ ก็จะหายไปได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่หากลูกมีหลายแผลและมีไข้ขึ้นไม่ลง คุณแม่ควรจะต้องพาลูกไปพบแพทย์ เพราะนอกจากแผลร้อนในแล้วแผลที่เกิดในช่องปากสามารถที่จะเป็นอาการของโรคมือเท้าปากได้ด้วย คุณแม่จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรไปพบแพทย์หาสาเหตุที่แท้จริงให้เจอจะได้รักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งการเป็นร้อนใน เกิดจากอะไร และจะมีวิธีดูแลป้องกันด้วยวิธีไหนได้บ้าง ในบทความนี้เรามีคำแนะนำมาบอกกันค่ะ
ลูกเป็นร้อนใน เกิดจากอะไร?
คุณแม่หลายท่านอาจจะเคยประสบกับปัญหาลูก เป็นร้อนใน นอกจากจะทำให้ลูกมีไข้ไม่สบายเนื้อสบายตัวแล้ว ยังทำให้ลูกเจ็บปวดทรมานร้องไห้งอแงและไม่สามารถทานอาหารหรือนมได้ด้วย โดยแผลร้อนในเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
- เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอ็นเทอโรไวรัส (Enterovirus)
- เกิดจากที่ลูกกัดปากตัวเอง
- เกิดจากการกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนมากเกินไป อย่างเช่น ลำไย สับปะรด เป็นต้น
- เกิดจากร่างกายขาดสารอาหารหรือวิตามิน แร่ธาตุ โดยเฉพาะในกลุ่ม ธาตุเหล็ก โฟเลท และวิตามินบีรวม
- เกิดจากภูมิต้านทานของเด็กอ่อนแอลง และเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายไม่สบายก็จะเกิดแผลร้อนในจู่โจมได้
- ภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอลงและอาจอยู่ในช่วงที่กำลังไม่สบาย
อาการร้อนในเป็นอย่างไร
เมื่อลูกเริ่มมีอาการร้อนในเกิดขึ้น สิ่งแรกที่คุณแม่จะสังเกตได้ก็คือลูกจะมีไข้ ซึมลง และจะสังเกตเห็น แผลในปาก เป็นสีขาววงเล็กบริเวณ ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก หรือกระพุ้งแก้ม และจะมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วยคือ
- มีอาการเจ็บคอ
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เนื่องจากอุณหภูมิในร่างกายเริ่มร้อนและมีความกระหายน้ำมากขึ้น
- เมื่อหายใจ จะมีไอร้อนออกมาด้วย
- ลูกเริ่มจะไม่อยากอาหาร เพราะกลัวว่าจะเคี้ยวอาหารไปโดนแผล เป็นร้อนใน
- เด็กบางรายอาจจะเปลี่ยนการหายใจทางจมูกไปหายใจทางปากแทน
วิธีการดูแลรักษา
แผลร้อนในสามารถหายเองได้โดยใช้เวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ แผลในปาก ของลูกก็จะหายดีเป็นปกติเองได้ ซึ่งเมื่อลูกเป็นร้อนใน และคุณแม่อยากให้หายไวๆ สามารถดูแลรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.บ้วนน้ำเกลือ
หากพบว่าแผลร้อนในของลูกมีลักษณะที่ใหญ่และลูกได้รับความเจ็บปวดมาก วิธีรักษาที่อาจจะไม่ถูกใจลูกมากเท่าไหร่นั่นก็คือการให้ลูกบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ เพราะน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ บวม แดง ได้ดี แต่ในขณะที่อมน้ำเกลือบ้วนปากลูกอาจจะเกิดความเจ็บแสบบริเวณแผลได้
2.รักษาด้วยสมุนไพร
สมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้น ใช้ในการรักษาร้อนในได้ผลดีนั่นก็คือ ใบบัวบก มะระขี้นก แตงกวา ผักกาดขาว รางจืด รากบัว เป็นต้น หากต้มน้ำสมุนไพรเหล่านี้ให้ลูกดื่มบ่อยๆ จะช่วยรักษาอาการร้อนในได้
3.ใช้ยาแก้ร้อนใน
ยาทาแก้ร้อนในมีหลายชนิดให้เลือกมีทั้งแบบทาและแบบน้ำยาบ้วนปาก ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดทา โดยเฉพาะในกลุ่ม ยาสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการอักเสบ บวมแดง และช่วยสมานแผล ให้หายเร็วขึ้น
วิธีการป้องกันร้อนใน
แผลร้อนในสามารถป้องกันได้ โดยการให้ลูกไม่ทานอาหารรสจัด หรือของทอดมากเกินไป ให้ลูกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ พร้อมทั้งรักษาความสะอาดในช่องปากไม่แปรงฟันแรงเกินไปเพราะอาจจะพลาดไปทำให้ปากมีแผลได้ เพียงเท่านี้ก็จะห่างไกลจากการ เป็นร้อนในได้แล้ว
แผลในปากชนิดอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
แผลร้อนในเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และแผลที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะป่วย เป็นร้อนใน เพียงแค่โรคเดียวเท่านั้น เพราะแผลที่เกิดขึ้นจากการร้อนในนั้น สามารถเกิดจากโรคอื่นได้เช่นกัน อย่างเช่น
1.แผลจากเชื้อเริม
แผลเชื้อเริมมีลักษณะคล้ายๆ กับแผลร้อนใน คือมีตุ่มใสๆ ตุ่มแตกเป็นแผลร้อนใน โดยเชื้อเริมจะพบบ่อยในคนทั่วไป จะอยู่ในน้ำลาย หรือแผล หลายคนจึงมักเข้าใจว่าเป็นแผลจากร้อนใน เพราะมีความคล้ายคลึงกันมากหากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์จะไม่รู้เลย
2.แผลจากโรคมือเท้าปาก
แผลที่เกิดจากโรคมือเท้าปากจะมีลักษณะตุ่มเล็กๆ กระจายไปทั่วปากทั้งกระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก และริมฝีปากของเด็ก คุณแม่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ โดยหากเป็นโรคมือเท้าปากจะมีตุ่มใสๆ ขึ้นตามบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งเด็กบางคนอาจจะมีทั่วลำตัว และเด็กจะมีไข้สูง อาการไข้ไม่ลดร่วมด้วย
3.แผลจากสาเหตุอื่น ๆ
หากเด็กมีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวอย่างอื่นร่วมด้วย ก็สามารถที่จะเกิด แผลในปาก ได้เช่นกัน ซึ่งแผลในช่องปากสัมพันธ์กับโรค SLE โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคเม็ดเลือดขาวต่ำ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคมะเร็งเป็นต้น นอกจากนี้การใช้ยาบางประเภทในการรักษาโรคก็สามารถทำให้เกิดแผลเป็นในปากได้ด้วย
ร้อนในสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน รวมถึงการติดเชื้อไวรัสบางชนิดด้วย หากไม่อยากให้ลูก เป็นร้อนใน คุณแม่จะต้องใส่ใจในเรื่องของความสะอาด อาหารการกิน รวมถึงพาลูกออกกำลังกาย ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และเมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะลดโอกาสที่จะเกิดแผลร้อนในได้แล้ว
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่