เมื่อตั้งครรภ์คุณแม่หลายท่านมักจะมีอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรก ส่วนใหญ่จะเป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียน ทานอาหารไม่ค่อยได้ อาการแพ้ท้องที่รุนแรงส่งผลให้คุณแม่เกิดภาวะโลหิตจาง ขาดเกลือแร่ และน้ำ เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ หากมีอาการแพ้ท้องที่รุนแรงควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาบรรเทาอาการแพ้อย่างเหมาะสม อาการแพ้ท้องรุนแรงยังส่งผลทำให้ทารกในครรภ์น้ำหนักตัวน้อย เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงไม่ควรกลัวที่จะกินยาแก้แพ้ เพราะปัจจุบันมียาแก้แพ้ที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาแก้แพ้ท้อง แบบไหนที่กินได้มาดูในบทความนี้กันดีกว่า
ยาแก้แพ้ท้อง มีแบบไหนบ้างที่ทานได้
ปัจจุบันองค์กรเภสัชกรรมได้พัฒนายาที่ปลอดภัย ที่คุณแม่สามารถกินเพื่อบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ยาแก้แพ้ท้อง ที่ปลอดภัยที่คุณแม่สามารถกินได้ก็จะมีดังนี้
- วิตามินบี6 ( Pyridoxine ) เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำ จะทำงานร่วมกับสารที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกันได้แก่ ไพริด็อกซิน ไพริด็อกซาล และไพริด็อกซามีน วิตามินบี วิตามินบี 6 มีสรรพคุณช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ เสริมสร้างแอนติบอดี้และเม็ดเลือดแดงในร่างกายทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดีขึ้น ขณะตั้งครรภ์ ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง
- ยาไดเมนไฮดริเนต ( Dimenhydrinate ) ยาแก้แพ้ท้อง จะออกฤทธิ์ต้านหรือยับยั้งสารที่มีชื่อว่า Histamine ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นอา การแพ้ เช่น อาการเมารถ คลื่นไส้ แพ้ท้อง สรรพคุณของยาคือช่วยบรรเทา อาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการเมารถ เมาเรือ และ อาการแพ้ท้อง ยาอยู่ในรูปแบบของยาเม็ด ขนาดความแรง 50 มิลลิกรัม รับประทาน 1 – 2 เม็ดเมื่อมีอาการแพ้ท้อง
5 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้อง ที่คุณแม่ต้องลอง
สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องที่ไม่รุนแรงมาก เรามีวิธีบรรเทาอาการแพ้ท้องง่าย ๆ 5 วิธี ที่คุณแม่ต้องลองมาฝาก ทำแล้วเห็นผลชัวร์ จะมีวิธีไหนบ้างนั้นมาดูกันเลยดีกว่า
1.หลังตื่นนอนไม่ควรรีบลุกจากเตียงทันที
อาการแพ้ท้องจะรุนแรงมากในช่วงเช้า วิธีแก้ง่าย ๆ ก็คือ หลังตื่นนอนคุณแม่ไม่ควรรีบลุกออกจากเตียงทันที แนะนำให้นอนพักต่ออีกสักประมาณ 15-20 นาที เพื่อปรับร่างกาย จากนั้นค่อยลุกจากเตียงได้ตามปกติ เพราะหากรีบลุกจากเตียงนอนทันทีที่ตื่น จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด และคลื่นไส้อาเจียนได้ง่ายขึ้น
2.ปรับพฤติกรรมการกินอาหารใหม่
โดยปกติแล้วคนเราจะกินอาหาร 3 มื้อนั่นก็คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มี อาการแพ้ท้อง ควรปรับพฤติกรรมการกินอาหารใหม่ โดยเริ่มจากหันมากินอาหารให้น้อย ๆ แต่ให้กินบ่อย ๆ และควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่ายอย่างพวก ผัก ผลไม้ รวมถึงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ จะช่วยลดอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียนได้ พร้อมกันนี้ควรเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ น้ำอัดลม ของหมักดอง เพราะอาหารดังกล่าวจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะจะยิ่งกระตุ้นทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียนได้นั่นเอง
3.หลังกินอาหารเสร็จไม่ควรนอนทันที
หลังจากกินข้าวเสร็จไม่ว่าจะเป็นมื้อใด คุณแม่ไม่ควรนอนทันที ควรนั่ง หรือเดินให้อาหารย่อยก่อนประมารณ 30 นาที ไปจนถึง 1ชั่วโมง เพื่อให้อาหารย่อยดีขึ้นก่อน หากนอนลงทันทีจะกระตุ้นให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่าย อีกทั้งยังจะส่งผลทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ กรณีที่คุณแม่มีอาการแพ้ท้องที่รุนแรง สามารถกิน ยาแก้แพ้ท้อง ได้ ตามที่แพทย์สั่ง
4.จิบน้ำขิงในระหว่างวัน
น้ำขิงอุ่น ๆ เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง แนะนำให้หาน้ำขิงอุ่น ๆ มาจิบบ่อย ๆ ระหว่างวัน น้ำขิงนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน แพ้ท้องได้แล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร น้ำขิงจะช่วยขับลมและบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้อีกด้วย
5.กินยาแก้แพ้ท้อง
เมื่อตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลต่ออารมณ์ และสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่มีอาการแพ้ท้องที่รุนแรง อย่ากลัวที่จะกิน ยาแก้แพ้ท้อง ยาบางชนิดอาจจะเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ แต่ก็มียาแก้แพ้บางชนิดที่แพทย์แนะนำ สามารถกินได้หากมีอาการแพ้ท้องที่รุนแรง ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง แนะนำให้มาพบคุณหมอที่ฝากครรภ์อยู่เพื่อรับ ยาแก้แพ้ท้อง เพราะปัจจุบันมียาหลายชนิดด้วยกันที่สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์แต่อย่างใด
อาการแพ้ท้องสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่มีอาการแพ้ท้องที่รุนแรงมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการอย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถขอ ยาแก้แพ้ท้อง ได้เพราะในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถรับประทานได้ โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่ และทารกในครรภ์
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook