คุมกำเนิด ทราบหรือไม่ว่า ประมาณ 85% ของผู้หญิงที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ และไม่ต้องการใช้วิธีการคุมกำเนิดใด ๆ จะมีโอกาสท้องได้เร็วภายใน 1 ปี ผู้หญิงเรานั้น สามารถตั้งท้องได้ในระหว่างให้นมลูก หรือหลังจากคลอดลูกได้เพียง 10 วันเลยทีเดียวค่ะ หรือแม้ว่าคุณเป็นประจำเดือนอยู่ก็ตาม
สำหรับใครที่กำลังเข้าใจผิดว่า การหลั่งข้างนอก หรือการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งคราว จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการข้างต้น ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้นะคะ เพราะโอกาสที่อสุจิจะไปปฏิสนธิกับไข่นั้นยังสูงอยู่ ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการคุมกำเนิดแบบเห็นผล และสามารถป้องกันการครรภ์ได้จริง ๆ วันนี้เรามีวิธีการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ มาฝากค่ะ
คุมกำเนิด
วิธีการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ
เราต้องบอกไว้เลยค่ะว่า ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่ได้ผล 100% ซึ่งวิธีการคุมกำเนิด ที่น่าจะใช้ได้ในปัจจุบันมีหลายวิธีดังนี้ค่ะ
การคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิง
- ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฝัง และการใส่ห่วงไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้นะคะ แต่สามารถคุมกำเนิดแบบชั่วคราวได้เท่านั้น
- ไดอะแฟรม หรือ หมวกครอบปากมดลูก เป็นหมวกเล็ก ๆ ทำด้วยยางที่ใช้ปิดบริเวณปากมดลูก และต้องใช้ร่วมกับสารฆ่าเสปิร์ม อาจจะมีอันตราย คุณต้องได้รับจากแพทย์โดยตรงเท่านั้น และต้องใส่เข้าไปข้างในให้พอดีโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ไดอะแฟรมสามารถป้องกันได้ 6 ชั่วโมง และต้องใส่ไว้ก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ยาคุมกำเนิดแบบฉีด เดโป โปรเวรา เป็นยาคุมชนิดที่ใช้ฮอร์โมน เป็นยาใช้สำหรับฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือสะโพก และต้องฉีดทุก ๆ 3 เดือน ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ตรงเวลา หรือขาดหายได้
- ยาคุมกำเนิดแบบฝัง อย่างเช่น นอร์แพลนท์ หรืออิมพลานอน เป็นหลอดยางเล็ก ๆ ซึ่งต้องผ่าตัดเพื่อฝังใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน ตัวยาจะค่อย ๆ ปล่อยสเตียรอยด์ที่มีชื่อว่า “เลโวนอเจสเทรล” ออกมาช้า ๆ ซึ่งวิธีนี้สามารคุมกำเนิดได้ 3 – 5 ปี แต่จะมีอาการข้างเคียง ซึ่งอาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เต้านมคัดตึง มวลกระดูกลดลงได้
- ห่วงคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัย เป็นอุปกรณ์รูปตัวที (T) ซึ่งต้องใส่เข้าไปในมดลูก โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ห่วงสามารถใช้ได้ประมาณ 5 – 10 ปี ที่สำคัญวิธีการคุมกำเนิดโดยการใช้ห่วงถือว่าเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ
- การทำหมันในผู้หญิง เป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่งค่ะ ซึ่งจะผูกท่อนำไข่ เพื่อป้องกันไข่ไม่ให้ผสมกับสเปิร์ม เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบถาวร
- ยาคุมฉุกเฉิน คุณจะต้องทานยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจาการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งผู้หญิงจะต้องกิน นอร์เลโว 1 เม็ด และเม็ดที่สองภายใน 12 – 24 ชั่วโมงหลังจากนั้นค่ะ
การคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- ถุงยางอนามัย เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดี เพราะการใส่ถุงยางนอกจากจะคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย ซึ่งถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการสัมผัสกันระหว่างอวัยวะเพศหญิง และน้ำอสุจิ น้ำคัดหลั่งจากแผลติดเชื้อ และแผลที่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดด้วยการสวมถุงอย่างจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- การทำหมันชาย สามารถทำได้อย่างรวดเร็วในห้องผ่าตัดเล็ก และอาจจะมีอาการแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัดเพียงเล็กน้อย นั่นคือ มีเลือดออก หรือ การติดเชื้อ สำหรับความสามารถในการแข็งตัว และการหลั่งจะไม่หายไป แต่เป็นเพียงเสปิร์มเท่านั้น ผู้ชายจะไม่สามารถเห็นถึงความแตกต่างเมื่อเกิดการหลั่งได้ และร่างกายจะดูดซึมเซลล์เสปิร์ม (ที่ถูกผลิตขึ้นแต่ไม่ได้ใช้งาน)
ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดแต่ละวิธี มีผลเป็นอย่างไร
สำหรับอัตราส่วนของการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่าง ๆ นั้น จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากน้อยเพียงใด คุณลองพิจารณาข้อมูลดังต่อไปนี้ค่ะ
- การคุมกำเนิดแบบทำหมัน สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% และทำเพียงครั้งเดียว ก็สามารถป้องกันได้ตลอดชีวิต และสำหรับใครที่มีความต้องการมีลูกอีก ก็สามารถแก้หมันได้ค่ะ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ เพราะอาจจะมีลูกยาก เวลาคลอดมีแนวโน้มคลอดยากอีกด้วย
- การคุมกำเนินแบบห่วงอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 98 – 99% แต่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ใส่ให้เท่านั้นค่ะ ถึงจะมีความยุ่งยากสักหน่อย แต่ก็สามารถคุมได้ 5 – 10 ปีเลยทีเดียว
- การคุมกำเนิดแบบฝัง สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% แต่ต้องทำการฝังทุก ๆ 3 – 5 ปี
- การคุมกำเนิดแบบฉีด สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% แต่ต้องฉีดทุก ๆ 3 เดือน
- การทานยาเม็ดคุมกำเนิด สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 95% เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า หากคุณสามารถทานยาตามหมายเลขกำกับอย่างครบถ้วน และทานเป็นประจำทุกวัน แต่สำหรับผู้หญิงบางคนที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีโรคประจำตัว การทานยาคุมกำเนิดอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ค่ะ
- ผู้ชายที่ใช้ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 85% และที่สำคัญสามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- การคุมแบบหมวกครอบปากมดลูก สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 80% แต่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ครอบให้
- ถุงอนามัยสำหรับผู้หญิง สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 79% ซึ่งยังน้อยกว่าถุงยางอนามัยของผู้ชาย แต่ก็ยังถือว่าการคุมกำเนิดได้ประสิทธิภาพ
- การคุมกำเนิดด้วยการทายาแบบฉุกเฉิน สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% ซึ่งวิธีการคุมกำเนิดแบบนี้อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าวิธีอื่น ๆ ค่ะเพราะหากคุณกินเกินเวลาที่กำหนด คุณก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อยู่ดีนั่นเองค่ะ
คุณคงเห็นแล้วว่า การคุมกำเนิดแต่ละวิธีนั้น จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ต่างกัน รวมถึงความปลอดภัยของผู้ใช้อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับท่านใดที่ไม่แน่ใจในการเลือกวิธีการคุมกำเนิด แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ดูค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ให้นมลูกอยู่ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องคุมกำเนิดกับแพทย์โดยตรง น่าจะดีกว่าค่ะ
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..