สตรีวัยเจริญพันธุ์จะมีประจำเดือนแต่ละรอบห่างกันประมาณ 24 – 35 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าประจำเดือนมาช้ากว่านี้ ถือว่ามีความผิดปกติ จึงควรหมั่นสังเกตรอบเดือนแต่ละรอบว่ามาปกติหรือไม่ ถ้า ประจำเดือนมาช้า สลับกับมาบ้างไม่มาบ้าง แบบนี้อย่านิ่งนอนใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย หาสาเหตุที่แท้จริง และรักษาอย่างถูกต้อง จะได้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลโรคร้ายที่อาจเกิดกับผู้หญิงได้นั่นเอง

ประจำเดือนมาช้า เช็กสิผิดปกติหรือไม่

ประจำเดือนถือเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกสุขภาพของสตรีวัยเจริญพันธุ์ได้ การมีประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีมีรอบเดือนปกติ แต่ปัญหา ประจำเดือนมาช้า ก็เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน อาการก็คือ ประจำเดือนจะมาช้า มาไม่ค่อยตรงทุกรอบเดือน หรือขาดไปมากกว่า 1 เดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกับสตรีที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน ช่วงแรกๆ ประจำเดือนจะยังคงมาไม่เป็นปกติ และจะไม่ค่อยตรงในแต่ละรอบ อย่างไรก็ตาม หากประจำเดือนมาช้าหรือขาดไปมากกว่า 2 ถือว่าผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อเช็กดูปัญหาสุขภาพภายใน

ประจำเดือนมาช้า เพราะอะไร

ประจำเดือนมาช้า เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางกาย และทางใจ รวมถึงการตั้งครรภ์ โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ ประจำเดือนมาช้า ก็จะมีดังนี้

1.การตั้งครรภ์

สำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมาปกติทุกเดือน หากอยู่ๆ ประจำเดือนมาช้า หรือไม่มาเลย นี่อาจเป็นอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากพบว่า ประจำเดือนมาช้า มากกว่า 10 วัน นับตั้งแต่ประจำเดือนควรจะมา สามารถทดสอบด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ได้เลย

2.ความเครียด

ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ ประจำเดือนมาช้า ได้นั่นเอง โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทำงานที่มักจะมีภาวะเครียดบ่อยๆ จะทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ เพราะความเครียดจะส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมน ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนบางชนิดออกมามากขึ้น ทำให้การทำงานของระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย การตกไข่ และประจำเดือนทำงานผิดปกติได้

3.การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว

น้ำหนักตัวที่เพิ่ม หรือลดลง ก็มีผลต่อประจำเดือนด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล จนเป็นสาเหตุทำให้ ประจำเดือนมาไม่ปกติ  อีกทั้ง ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักมากเกินไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน เอสโตรเจน (Estrogen) ออกมามากขึ้น ส่งผลทำให้ประจำเดือนมาช้า หรือไม่เป็นเป็นปกติได้นั่นเอง

4.การออกกำลังกายมากเกินไป

การออกกำลังกายที่มากเกินไป และหนักเกินไป จนส่งผลต่อไขมันในร่างกายน้อยลง ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความเครียด และฮอร์โมนเพศหญิงก็จะต่ำลงไปด้วย เมื่อฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ก็จะมีผลให้ประจำเดือนมาช้า มาไปเป็นปกติ อีกทั้งยังส่งผลให้กระดูกเปราะได้ง่ายอีกด้วย

5.การทานยาคุมกำเนิด

การคุมกำเนิดชนิดต่างๆ ล้วนแต่มีผลต่อประจำเดือนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น การทานยาคุมกำเนิด การฝังเข็ม การฉีดยาคุม การใส่ห่วง เนื่องจากว่าการคุมกำเนิดเหล่านี้ล้วนแต่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสตินเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะส่งผลให้มีประจำเดือนมาช้า มาไม่สม่ำเสมอ โดยอาการประจำเดือนมาผิดปกติ มักจะพบในช่วงที่เริ่มต้น หรือเมื่อหยุดการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดเท่านั้น

6.อยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน

อีกหนึ่งสัญญาณเตือนเมื่อเข้าใกล้วัยประจำเดือนหมด หรือวัยทอง นั่นก็คือ ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ นั่นเอง โดยผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทอง 45- 55 นอกจากจะมีสัญญาณประจำเดือนมาช้าแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น มีอาการร้อนวูบๆ วาบๆ มีอารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ เหงื่อออกในกลางคืน ผิวแห้ง ผมร่วง รวมถึงผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง

7.ความผิดปกติของร่างกายอื่นๆ

นอกจากสาเหตุที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว อาการ ประจำเดือนมาช้า ยังเป็นสัญญาณของความผิดปกติของโรคบางชนิดได้อย่างเช่น

·      เนื้องอกในมดลูก ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้ามาผิดปกติได้ แต่เนื้องอกส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเช่น โลหิตจาง ประจำเดือนมาไม่เป็นปกตินั่นเอง

·      ถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติ ทำให้เกิดถุงน้ำในรังไข่ และส่งผลทำให้ประจำเดือนมาช้าได้

·      ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น โรคเบาหวาน

·      ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น ภาวะขาดไทรอยด์ หรือภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ก็อาจส่งผลกระทบต่อประจำเดือนเช่น ประจำเดือนมาช้า หรือประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติได้

Sponsored

ประจำเดือนแบบไหนไม่ปกติ ควรพบแพทย์ทันที

โดยทั่วไปแล้ว หากมีอาการประจำเดือนมาช้า หรือขาดประมาณ 1 เดือน อาจยังไม่น่าเป็นกังวลมากนัก แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ถือเป็นความผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์ทันที

- มีประจำเดือนมามากผิดปกติ และมีเลือดออกเป็นลิ่มปนออกมาจำนวนมาก เริ่มมีอาการหน้ามือ เวียนศีรษะ หรือผู้ที่มีอาการเลือดจางร่วมด้วย อย่านิ่งนอนใจควรมาพบแพทย์

- มีรอบเดือนที่ยาวขึ้น หากปกติมีรอบเดือนเพียงแค่ 3 – 5 วัน แต่มียาวขึ้นเป็น 10 วัน อาการแบบนี้ถือเป็นอาการผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ

- มีเลือดออกกระกะปริดกะปรอย หรือมีรอบเดือนมากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน

- หลังหมดประจำเดือนแล้ว ยังกลับมามีรอบเดือนอีก

- หลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีเลือดออก

- ประจำเดือนไม่มาติดต่อกันหลายเดือน

ประจำเดือนมาช้า หรือมาไม่เป็นปกติ เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสตรีทุกคนโดยเฉพาะสตรีที่มักจะมีความเครียดอยู่บ่อยๆ จึงควรหมั่นสังเกตประจำเดือนสม่ำเสมอ หากมีภาวะประจำเดือนมาช้ามากกว่า 2 เดือนขึ้นไปกรณีนี้ อย่านิ่งนอนใจควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยถึงสาเหตุ เพราะนี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพภายในของสตรีได้นั่นเอง

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

youtube:KonThong Channel คนท้อง
IG :Team_konthong
Tiktok :Teamkonthonth

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.คำแนะนำดีๆ ที่หมอสูติอยากบอกแม่ ท้องไตรมาส 2

2.คำแนะนำดีๆ ที่หมอสูติอยากบอกกับแม่ ท้องไตรมาสแรก