ลูกน้อยท้องผูก อาการท้องผูกในเด็กเป็นปัญหานักใจของคุณแม่หลาย ๆ ท่าน ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่คุณพ่อ คุณแม่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยให้ลูกมีอาการท้องผูกนาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ คุณแม่ต้องใส่ใจ ถึงแม้ว่าลูกน้อยจะแสดงอาการเพียงเล็กน้อย

ลูกน้อยท้องผูก

อาการท้องผูกในเด็กรุนแรงหรือไม่

สำหรับคุณแม่ที่กำลังเป็นกังวลและสงสัยอยู่ว่า อาการท้องผูกในเด็กนั้น เป็นอันตรายรุนแรงหรือไม่ เราขอบอกเลยค่ะว่า อาการท้องผูกในเด็ก ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอย่างที่คิด แต่เป็นเพียงอาการหนึ่งซึ่งเกิดจากพฤติกรรมเป็นส่วนใหญ่ พบว่าประมาณ 95% ของอาการท้องผูกในเด็ก เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และนิสัยในการขับถ่าย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่มีอาหารให้เลือกแบบหลายหลาย และส่วนมากจะเป็นอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด ซึ่งทำให้เด็กรับประทานผัก และผลไม้น้อยลง ร่วมกับดื่มน้ำน้อย ทำให้อุจจาระแข็ง ถ่ายแล้วเจ็บ

เมื่อมีอาการเจ็บจะทำให้ลูกน้อยเกิดความกลัวทุกครั้งที่ขับถ่าย จึงกลั้นอุจจาระ และเมื่อกลั้นอุจจาระจนเป็นนิสัย อุจจาระที่อยู่ในร่างกาย ก็จะแข็งขึ้น ก้อนใหญ่ขึ้น จนเกิดอาการท้องผูกตามมานั่นเองค่ะ

จะเป็นอย่างไรเมื่อลูกน้อย มีอาการท้องผูกเป็นเวลานาน

เด็กที่มีอาการท้องผูกมักจะมีอาการปวดท้องเป็นอาการเริ่มแรก ซึ่งหากเป็นมาก ๆ อาจจะทำให้มีอาการปวดท้องเหมือนโรคอื่น ๆ อย่างเช่น ในเด็กบางคนที่มีอาการท้องผูกมาก ๆ อาจจะมีอาการปวดท้องมากจนเดินตัวงอ เหมือนเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ดังนั้น เมื่อลูกน้อยบอกว่าปวดท้อง คุณพ่อ คุณแม่ควรสังเกตว่าลูกมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ อย่างเช่น มีไข้ ตัวร้อนอย่างนี้เป็นต้น

สำหรับเด็กที่มีอาการท้องผูกมาก ๆ เป็นเวลานาน และคุณพ่อ คุณแม่ก็ปล่อยไว้โดยไม่พาไปรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจ รวมถึงอารมณ์ของลูกได้

ผลเสียที่จะตามมา

  • ผลต่อพัฒนาการของร่างกาย เมื่อลูกท้องผูกมากจะรับประทานอาหารไม่ดี อาจส่งผลให้น้ำหนักตัวของลูกน้อยลง และถึงขั้นขาดสารอาหาร
  • ผลที่มีต่อสภาพจิตใจ และอารมณ์ ในเด็กบางคนที่มีอาการท้องผูกนาน ๆ อาจจะมีอุจจาระเล็กออกมาภายนอก ทำให้เปื้อนติดกางเกง และมีกลิ่นเหม็น ส่งผลให้เด็กเกิดความอาย และรู้สึกว่ามีปมด้อย

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าว ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ในทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป แต่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ท่านใด ที่เริ่มกังวลว่าลูกน้อยของคุณมีแนวโน้มเกิดอาการท้องผูกได้ เราก็มีวิธีการรักษา และวิธีการป้องกันมาแนะนำกันค่ะ

วิธีการแก้อาการท้องผูกอย่างถูกต้อง

1.น้ำผึ้ง + น้ำมะนาว

สูตรนี้สามารถแก้อาการท้องผูกของลูกน้อยได้อย่างเห็นผล เพราะในน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำไว้ในโพรงลำไส้ ทำให้อุจจาระเหลวขึ้นได้ และเมื่อนำมาผสมกับน้ำมะนาว ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นกระบวนการขับถ่าย ให้ลูกน้อยสามารถถ่ายได้ง่ายขึ้น ทำให้บรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับเด็กคนไหนที่พบว่า เกิดอาการท้องเสียเข้ามาแทนก็ให้หยุดทันที

2.ดื่มน้ำผลไม้เป็นประจำช่วยได้

น้ำผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายที่ดีที่สุด นั่นก็คือ “น้ำส้มคั้น” คุณแม่ควรให้ลูกน้อยดื่มวันละ 2 – 3 ออนซ์ เวลาคั้นไม่ต้องกรองเอาแต่น้ำ ควรมีเนื้อส้มผสมอยู่ด้วย เพื่อเพิ่มกากใยให้กับลำไส้ หรือจะเลือกใช้ “น้ำลูกพรุ่น” ผสมน้ำก็สามารถช่วยได้ แต่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ผสมน้ำลูกพรุนกับน้ำเปล่าประมาณ 3 ออนซ์ ทั้งนี้หากไม่สามารถหาน้ำลูกพรุนได้ คุณแม่ก็สามารถใช้น้ำองุ่น แอปเปิ้ล หรือน้ำลูกแพร์แทนก็ได้ค่ะ

Sponsored

น้ำผลไม้จะช่วยให้ลำไส้ดูดซึมน้ำเข้าไปมากขึ้น ช่วยเพิ่มกากใยให้มากขึ้น ทำให้อุจจาระอ่อนตัวลง ไม่แข็ง และสามารถถ่ายได้คล่องขึ้น แต่สำหรับลูกที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน คุณแม่ไม่ควรให้ทานอย่างอื่นนอกจากนมแม่นะค่ะ เพราะนมแม่มีใยอาหาร และสารอาหารเพียงพออยู่แล้ว และไม่ทำมีส่วนช่วยให้ลูกน้อยถ่ายคล่องอยู่แล้วนั่นเอง

3.ให้ลูกดื่มน้ำอุ่น ๆ ตอนเช้า

เพราะน้ำอุ่น จะช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น เมื่อลูกน้อยตื่นขึ้นมา ลองให้ลูกดื่มน้ำอุ่น ๆ สักแก้วดูสิค่ะ เพื่อกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ลำไส้บีบรัดเอาอุจจาระที่คั่งค้างออกมา และเป็นการฝึกลูกให้ขับถ่ายเป็นเวลาในทุกวันอีกด้วย

4.บรรเทาอาการปวดท้องด้วยการนวด

การนวดท้อง จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องให้ลูกได้เป็นอย่างดี เริ่มด้วยการคลึงวนเบา ๆ บริเวณหน้าท้อง ควรวนตามเข็มนาฬิกา และกดเบา ๆ ที่ท้องด้านขวา สังเกตด้วยว่า เมื่อคุณแม่จับบริเวณท้องของลูกแล้ว รู้สึกว่าท้องลูกนิ่ม นั่นแสดงว่าลูกไม่ได้ท้องผูก แต่ท้องที่แข็งเป็นสัญญาณบอกว่า ลูกน้อยกำลังทรมาณกับอาการท้องผูก

นอกจากนี้คุณแม่ควรยกข้อเท้าของลูก หมุนเช่นเดียวกับการปั่นจักรยาน การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหวภายในลำไส้ ทำให้ลำไส้ของลูกคลายตัวลงได้ค่ะ

ป้องกันอาการท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติ

  • เสริมผักและผลไม้ให้กับลูก ด้วยการทำซุปผัก หรือให้ทานผลไม้สดเป็นประจำ จะช่วยให้ลูกรัก สามารถขับถ่ายได้ง่ายขึ้น และขับถ่ายได้สะดวกขึ้น แถมยังเป็นการฝึกให้ลูกได้ชิมรสชาติ และคุ้นเคยกับกลิ่นรสของผักผลไม้อีกด้วยค่ะ
  • ฝึกการขับถ่ายของลูกให้เป็นเวลา คุณแม่สามารถเริ่มตั้งแต่ในช่วง 2 ขวบปีแรก แต่การฝึกควรทำเมื่อลูกพร้อม ลองสังเกตดูว่า ลูกมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือไม่ อย่างเช่น อุจจาระแข็ง มีนิสัยชอบกลั้นอุจจาระ ชอบหนีไปซ่อนหรือร้องไห้ หากคุณแม่พบปัญหาเหล่านี้ ให้ลองปรับเปลี่ยนอาหารที่ลูกรับประทานเป็นประจำดูก่อน โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น ข้าวกล้อง ช็อกโกแลต และชีส

สำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่ไม่เคยเจออาการเหล่านี้ อาจจะไม่รู้ต้องทำอย่างไร หรือ ทำตามคำแนะนำข้างต้นของเราแล้ว แต่อาการของลูกน้อยยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้คุณแม่รีบพาลูกไปพบแพทย์ทันทีค่ะ เพื่อให้แพทย์ตรวจหาโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกับอาการท้องผูก เพื่อลูกจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปนั่นเองค่ะ

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.15 วิธีผ่อนคลาย ความเครียดในคนท้อง จะรับมืออย่างไร

2.7 อาหารแก้เครียด ที่แม่ท้องควรกิน เช็คสิมีอะไรบ้าง