สวัสดีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคน เมื่อลูกน้อยกำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่นาน คุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กทารกแรกเกิดจนถึง 1 ปี ซึ่งจะมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในแต่ละช่วงวัย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่ลูกน้อยจะลืมตาดูโลก แน่นอนว่าหากไม่เตรียมความพร้อมให้ดีอาจจะไม่ทราบว่าพัฒนาการของลูกน้อยนั้นเป็นไปในทิศทางไหนบ้าง สำหรับวันนี้เราจึงอยากมาให้สาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับพัฒนาการวัยทารกแรกเกิด– 1 ปี ที่คุณแม่ควรต้องทราบ พร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
1.พัฒนาการวัยทารก เดือนแรก
ในช่วงของเดือนแรกนี้ลูกน้อยจะนอนสลับกับตื่นประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง สายตาจะเริ่มมองเห็นได้ดีขึ้นและจดจำหน้าของคุณแม่ได้บ้างแล้ว จะเริ่มเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้มากขึ้น เช่น การนอน การกินนม แต่การพยุงศีรษะยังทำได้ไม่ค่อยดีนักมักจะมีอาการหงายหลังอยู่บ่อย ๆ ให้คุณแม่พยายามประคองให้ดี ลูกจะเริ่มพลิกตัวเองได้เวลานอนและแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมาในขณะที่พอใจ
2.พัฒนาการวัยทารก เดือนที่ 2
ช่วงนี้ทารกจะกินนมทุก ๆ 4 ชั่วโมง นอน 7-8 ชั่วโมง จะเริ่มจำเสียงและกลิ่นของแม่ได้บ้างแล้ว สังเกตจากการที่เวลาคุณแม่มานั่นพูดคุยด้วย ทารกจะส่งเสียงอ้อแอ้ตอบรับคุณแม่ การมองเห็นจะดีขึ้นกว่าเดือนแรก มีการดูดนิ้วเวลาที่อารมณ์ดี
ดูพัฒนาการทารก 2 เดือน เพิ่มเติมที่นี่ คลิก
3.พัฒนาการวัยทารก เดือนที่ 3
ลูกจะมีการตอบโต้กับคนในบ้านมากขึ้น จำเสียงต่าง ๆ ได้ เช่น เสียงนก เสียงสุนัข เสียงดนตรี เริ่มเล่นกับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวที่อยู่ใกล้มือ ศีรษะจะเริ่มตั้งได้ประมาณ 45 องศา หากมีการพูดคุยด้วยจะส่งเสียงตอบรับกลับมา ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ทารกสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน หากอยู่คนเดียวจะส่งเสียงร้องไห้ออกมาทันที
4.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 4
พัฒนาการวัยทารก 4 เดือน จะเริ่มมองเห็นได้ดีขึ้น กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ จะสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมีความแข็งแรง ก้มและเงยมองสิ่งต่าง ๆ ได้ สามารถที่จะหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ส่งไปยังอีกมือหนึ่งได้ แน่นอนว่าช่วงวัยนี้คุณแม่ต้องรวบผมให้เรียบร้อย เพราะทารกอาจจะดึงผมของคุณแม่เล่นนั่นเอง
5.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 5
จะไม่ค่อยชอบนอนนิ่ง ๆ มักจะขยับตัวไปมา มีการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา สามารถคว่ำและหงายได้เอง นั่งเองบ้างได้แล้วถึงแม้ว่าจะทรงตัวได้ไม่ค่อยดีก็ตาม เริ่มหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ มากัดหรืออมเข้าปาก คุณแม่ต้องเก็บให้ดี ๆ อาจจะหาซื้อของเล่นที่สามารถกัดได้มาให้ลูกน้อยเล่น จะช่วยลดอาการคันเหงือกได้ดีเลยทีเดียว
6.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 6
พัฒนาการวัยทารกช่วงนี้เป็นช่วงที่เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัว เวลาที่มีของตกลงพื้นจะมองตามว่าเป็นของอะไรและเริ่มเข้าใจว่าในแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น กินข้าว อาบน้ำ กินนม เล่นของเล่น สามารถนั่งได้อย่างมั่นคงไม่เอนเอียงไปมา จะมีอาการคันเหงือกอยู่บ่อย ๆ และมักจะหาอะไรมากัด
7.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 7
นั่งได้อย่างมั่นคง มักจะเคลื่อนไหวร่างกายไปตรงนั้นตรงนี้จนคุณแม่มักจะตามไม่ทัน ชอบหยิบจับอะไรมาเข้าปากอยู่เป็นประจำ เริ่มหยิบอาหารกินเองได้บ้างแล้ว เรียนรู้ชื่อสัตว์ ภาพต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และจะพูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้ นี่คือพัฒนาการวัยทารกวัย 7 เดือน
8.พัฒนาการวัยทารก เดือนที่ 8
ทารกช่วงวัยนี้จะพยายามทำท่าเลียนแบบคนรอบข้าง ชอบการเล่นที่สนุกสนาน ยิ้มแย้มแจ่มใส จะสนใจของเล่นที่คุณแม่ซื้อมาให้เป็นอย่างมาก จะรู้ได้เองว่าถึงเวลาต้องกินข้าว อาบน้ำ กินนม ช่วงวัยนี้ทารกจะคลานได้อย่างคล่องตัว เริ่มเข้าใจในภาษาที่เราสื่อสารมากขึ้น
ดูพัฒนาการทารก 8 เดือน เพิ่มเติมที่นี่ คลิก
9.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 9
พัฒนาการเด็ก 9 เดือน จะเริ่มคลานไปด้วยและถือของเล่นไปด้วย สามารถจดจำได้ว่าสิ่งของอยู่ตรงไหนของบ้านบ้าง เวลาที่คุณแม่เอาของไปซ่อนทารกเขาจะหาจนเจอ ลูกน้อยจะเอานิ้วไปแหย่รูต่าง ๆ เช่น ปลั๊กไฟ พัดลม ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้คุณแม่ต้องเก็บให้ดี เริ่มพูดคำสั้น ๆ ได้ เช่น แม่ พ่อ
10.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 10
จะทำตามพฤติกรรมของคนใกล้ตัวและสามารถแยกเพศออกได้ว่าคนไหนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อยากทำอะไรด้วยตัวเองหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการกินข้าว การกินนม การหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ
11.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 11
สามารถฟังหรือสนใจอะไรได้เป็นเวลานาน ๆ เรียกชื่อคนอื่นได้ เริ่มเปิดหนังสือขึ้นมาดูเอง ถ้าคุณแม่สั่งให้ทำอะไรเขาจะพยายามทำให้ได้ดีที่สุด เวลาที่กินนมหมดจะยกให้คุณแม่เห็นทันที
12.พัฒนาการเด็กทารก เดือนที่ 12
เรียนรู้การทำกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนจะจำได้ทั้งหมด ทำท่าทางต่าง ๆ ที่คนรอบตัวทำให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ได้ดีขึ้น ทารกบางคนในช่วงวัยนี้จะสามารถเริ่มเดินเองได้แล้ว พูดคล่องมากขึ้น แสดงอารมณ์ออกมาในขณะที่ไม่พอใจ
หวังว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้จะได้รับสาระความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการวัยทารกในแต่ละช่วงวัยไปอย่างละเอียด เชื่อว่าจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของลูกน้อยชัดเจนขึ้น สุดท้ายนี้ขอให้นลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์นะคะ
= = = = = = = = = = =