ลูกเล็กยังไม่ค่อยมีภูมิต้านทานโรค จึงมักติดเชื้อและทำให้ป่วยได้ง่าย ยิ่งเด็กในวัยเรียนยิ่งมีโอกาสป่วยบ่อย แต่ถ้าลูกเกิดอาการป่วยบ่อยจนเกินไป อาจเกิดจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเปล่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นโรคนี้ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง คืออะไร
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง คือโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายติดเชื้อง่าย ไม่สบายบ่อย และรักษาให้หายขาดได้ยาก
ชนิดของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ภูมิคุ้มกันบกพร่องนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามสาเหตุของการเกิดโรคดังนี้
1.โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดปฐมภูมิ
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้นั้น อาจเกิดความผิดปกติขึ้นในช่วงที่เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันกำลังพัฒนาขึ้นในแต่ละขั้นตอน เป็นการถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม จึงพบได้ตั้งแต่กำเนิด และแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังมีไม่มาก แต่อาการที่แสดงออกค่อนข้างรุนแรง ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
2.โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดทุติยภูมิ
ในชนิดที่ 2 นี้ เป็นชนิดที่เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เช่น เด็กคลอดก่อนกำหนด โรคเอดส์ วัณโรค โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว การได้รับยาเคมีบำบัด ภาวะขาดสารอาหารเป็นต้น เหล่านี้ส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
รู้ได้อย่างไร ว่าลูกเป็นโรคนี้
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะมีอาการที่บ่งบอกไว้ ดังนั้นถ้าพบว่าลูกมีอาการป่วยเหล่านี้เกินกว่า 2 อาการตามที่ระบุนี้ ควรพาไปพบแพทย์เผื่อหาสาเหตุของโรค และทำการรักษา
1.ติดเชื้อบ่อย
ให้สังเกตการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายในร่างกายในรอบ 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นหูอักเสบติดเชื้อที่เกิดขึ้นมากกว่า 4 ครั้ง ไซนัสอักเสบอย่างรุนแรงหรือปอดอักเสบติดเชื้อเกิน 2 ครั้ง รวมทั้งการเป็นฝีที่ผิวหนังหรืออวัยวะภายในบ่อยครั้ง
2.มีการติดเชื้อรุนแรง และรักษาไม่หายขาด
เมื่อมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง เช่นการติดเชื้อในกระแสเลือดมากกว่า2 ครั้งขึ้นไป และได้รับการรักษาด้วยวิธีการฉีดยาปฏิชีวนะแล้ว แต่ไม่หาย หนำซ้ำยังต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่องไปอีก 2 เดือน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
3.มีอาการผิดปกติอื่นๆ
อาจมีความผิดปกติอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อเรื้อรัง เช่นเด็กมีน้ำหนักและส่วนสูงไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งการมีการติดเชื้อราในช่องปากหรือที่ผิวหนังแบบเรื้อรัง และการที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด
วิธีการดูแลรักษา
เมื่อพบว่าลูกมีอาการป่วยบ่อยๆ หรือได้รับการรักษาแล้วก็ไม่หายสักที คุณแม่ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์จะทำการซักประวัติการเจ็บป่วย เช่นความถี่และความรุนแรงของโรคที่ป่วยในแต่ละครั้ง นอกจากนี้แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงอาการผิดปกติอื่นๆ เช่นการเจริญเติบโตของลูก ร่วมกับการเจาะเลือด เพื่อคัดกรองโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องจะทำให้ลูกได้รับการรักษาที่เหมาะสม และทำให้ลูกสามารถหายขาดจากโรคที่เป็นได้ แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ดังนั้นเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของลูก เมื่อพบความผิดปกติควรรีบทำการรักษาแต่เนิ่นๆ
การป้องกันการเกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเจ็บป่วยง่าย สามารถกระทำได้ดังนี้
1.กินนมแม่
นมแม่นั้นมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้ลูกเจริญเติบโต นอกจากนี้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ดังนั้นคุณแม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด หรือ 6 เดือน เป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยของลูกน้อยได้
2.กินอาหารที่มีประโยชน์
คุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องอาหารการกินของลูก โดยในแต่ละมื้อ อาหารควรมีความหลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ โดยเน้นทานผักและผลไม้ที่ให้วิตามินสูง ซึ่งจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ มีผลต่อการสร้างแอนติบอดี ซึ่งเป็นเซลล์ในระบบภูมิต้านทานในร่างกายได้ไม่ดี เช่นผู้ที่นอนคืนละ 7 ชั่วโมง ร่างกายจะสร้างแอนติบอดี ต่อเชื้อไข้หวัดได้ดีกว่าผู้ที่นอนเพียงคืนละ 4ชั่วโมง ดังนั้นเด็กในวัยทารกควรนอนไม่ต่ำกว่าวันละ 14 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนเด็กในวัยเรียนไม่ควรนอนน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อคืน
4.ฉีดวัคซีน
วัคซีนถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ดังนั้นควรพาลูกไปฉีดวัคซีนที่จำเป็นให้ครบตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด เพื่อช่วยให้เด็กมีภูมิต้านทานโรค และยังช่วยให้ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ เช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ เป็นต้น
5.ล้างมือให้สะอาด
การดูแลความสะอาดที่ง่าย และควรสอนให้ลูกติดทำจนเป็นนิสัย คือการล้างมือ ไม่ว่าก่อนหรือหลังกินอาหาร ก่อนเข้าและหลังออกจากห้องน้ำ หรือหลังจากเล่นของเล่น ควรให้ลูกล้างมือทุกครั้งอย่างถูกขั้นตอนและนานพอ ซึ่งอาจให้เด็กๆ ร้องเพลงชาติในขณะล้างมือ โดยเมื่อจบเพลงเมื่อไหร่ถือว่ามือสะอาดพอดี
ในปัจจุบันที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นไปทั่วโลก การดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพร่างกายของลูกจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งเรื่องอาหารการกิน การพักผ่อน และความสะอาด รวมทั้งควรส่งเสริมให้เด็กได้ออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและป้องกันภาวะภูมิคุ้มกัน บกพร่องนั่นเอง
อ้างอิง meded.psu.ac.th
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่