ไส้เลื่อนในเด็ก ปกติแล้ว ถ้าเราได้ยินคำว่าโรคไส้เลื่อน หลาย ๆ คนจะนึกถึงโรคชนิดหนึ่งที่มักจะเกิดในเพศชาย และเกิดในวัยผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าจะพบได้บ้างในผู้หญิง แต่สัดส่วนก็ค่อนข้างน้อยกว่ากัน แต่รู้หรือไม่ว่าโรคไส้เลื่อนก็สามารถเกิดในทารกได้ โดยเกิดได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงเสียด้วย ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่ได้ทำการรักษา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ที่เป็นภาวะแทรกซ้อน จนถึงขั้นทำให้ไส้เน่า ต้องตัดลำไส้ทิ้งก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นมาทำความเข้าใจกับโรคนี้กันให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปสังเกตและรักษาลูกให้ถูกต้อง หากเจออาการที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ในเด็กทารก

โรค ไส้เลื่อนในเด็ก ทารก มีสาเหตุเกิดจากอะไร ?

โดยทั่วไป ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กทารก หากมีอาการไส้เลื่อน ก็จะเกิดจากการที่ถุงเยื่อบุช่องท้องบริเวณขาหนีบที่ยื่นออกมาไม่ปิด จึงทำให้เกิดการยืดลงมาถึงบริเวณอัณฑะในกรณีเด็กผู้ชาย ส่วนในเด็กผู้หญิงจะพบว่ายืดลงมาจนถึงหัวหน่าว ยิ่งถ้าถุงมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็จะดึงอวัยวะภายในช่องท้องเลื่อนลงมา จึงเป็นสาเหตุที่เรียกว่าไส้เลื่อน ส่วนมากมักจะพบกับเด็กทารกที่มีภาวะคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากอวัยวะต่าง ๆ ยังไม่สมบูรณ์นั่นเอง

เด็กที่เป็นไส้เลื่อน จะมีอาการเบื้องต้นอย่างไรบ้าง ?

อาการโดยทั่วไปที่สามารถสังเกตเห็นได้ จะมีดังต่อไปนี้

  • ลูกน้อยจะมีอาการปวดท้อง พร้อมกับมีก้อนเนื้อบางอย่างที่นูนขึ้นบริเวณใกล้ ๆ กับขาหนีบ ยิ่งถ้าหากว่าเด็กเบ่งอุจจาระ หรือปัสสาวะ จะยิ่งเห็นก้อนนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เมื่อเด็กนอนหลับ จะพบว่าก้อนเนื้อนี้หายไปเอง
  • กรณีที่คุณแม่สัมผัสกับก้อนเนื้อ จะพบว่าสามารถดันก้อนนี้ให้กลับไปในช่องท้องได้ โดยที่ไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บให้กับลูกน้อย หากเป็นกรณีนี้ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า เป็นไส้เลื่อนแน่นอน

หากปล่อยทิ้งไว้ จะส่งผลให้เกิดปัญหาใดบ้าง ?

การรักษาโรคไส้เลื่อนที่ได้ผลดีที่สุด ก็คือการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณพ่อและคุณแม่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก บางคนเลยตัดสินใจที่จะปล่อยผ่าน หากไม่ได้เป็นอันตรายกับเด็ก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว มีโอกาสมากที่ไส้เลื่อนจะไหลลงมาติดอยู่ข้างล่าง จนไม่สามารถกลับไปยังช่องท้องได้ ถ้าเป็นเช่นนี้อาจทำให้ลำไส้มีอาการขาดเลือดและเน่า ทำให้เด็กมีอาการอาเจียน เป็นไข้ ไปจนถึงภาวะปวดท้องรุนแรง มีการติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้

ขั้นตอนในการผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนในเด็กทารก เป็นอันตรายหรือไม่ ?

ไม่น่ากลัวเลย เพราะถ้าหากเด็กไม่ได้มีปัญหาใด ๆ มาก่อนนอกจากเป็นโรคไส้เลื่อนอย่างเดียว การดมยาสลบจะไม่ส่งผลใด ๆ ทั้งสิ้น และการผ่าตัดก็ไม่ได้ผ่าเข้าไปถึงช่องท้อง แค่ซ่อมแซมผนังหน้าท้องบางส่วนที่ทำให้เกิดไส้เลื่อน โดยจะใช้เวลาเพียง 45 นาที หรืออาจจะเร็วกว่านั้น เมื่อผ่าเสร็จก็สามารถกลับบ้านไปรักษาแผลต่อได้ทันที (เว้นแต่หากมีโรคอื่น ๆ แทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเพิ่มอีก 1-2 วัน)

การผ่าตัดรักษาโรคไส้เลื่อนไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหรือเป็นอันตรายเลย แต่การยื้อเวลาโดยอ้างว่าให้เด็กโตกว่านี้ก่อน เป็นเรื่องที่อันตรายกว่า เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่า อาการไส้เลื่อนจะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ อาจถึงขั้นทำให้ลำไส้น่าก่อนหรือไม่ เพราะฉะนั้นหากตรวจพบ หรือสันนิษฐานว่าลูกอาจเป็นไส้เลื่อน ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเอ็กซเรย์โดยเร็วที่สุด จะได้มีการวางแผนในการรักษาให้ถูกต้องต่อไป

Sponsored

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.6 คุณประโยชน์ของนมแพะ มาดูสิว่ามีอะไรบ้าง

2.นมแพะดีอย่างไร ทำไมจึงเป็นตัวช่วยเสริม ที่ดีต่อลูกรัก