พัฒนาการที่ดีของลูก สร้างได้ด้วยการเล่นกับลูกบ่อยๆ

พัฒนาการที่ดีของลูก … ความคาดหวังอันสูงสุดที่คุณแม่ทุกคนมีต่อลูกที่พึ่งให้กำเนิด ก็คือการที่พัฒนาการของเด็กมีการเจริญเติบโตสมวัยนั่นเอง ซึ่งพัฒนาการของเด็กนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 3 ปีแรกตั้งแต่เกิด โดยสามารถสังเกตพฤติกรรมแรกเริ่มได้ ก็คือการสะท้อนกลับของปฏิกิริยา เช่น การเอานิ้วไปจิ้มบริเวณฝ่ามือ แล้วเด็กจะกำไว้ หรือเมื่อเอานิ้วไปสัมผัสบริเวณริมฝีปาก เด็กก็จะเอามือคว้าแล้วทำท่าเหมือนจะดูดนม ถ้าหากพบอาการแบบนี้ก็พอจะทำให้เบาใจได้ระดับหนึ่งแล้วว่าพัฒนาการเด็กทำท่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อไปได้

ทำอย่างไรให้พัฒนาการเด็ก เจริญเติบโตตามวัยของเขา

ก่อนอื่นนั้น ต้องอธิบายกันก่อนว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เด็กมีพัฒนาการของเด็กที่ดี ก็คือเรื่องของการพัฒนาสมอง ที่มีด้วยกันทั้งหมด 5 ด้าน คือ ความคิด การสร้างสรรค์ การสื่อสาร การทรงตัว การเรียนรู้ ซึ่งถ้าหากขาดด้านใดไปด้านหนึ่ง ก็จะทำให้พัฒนาการเด็กมีการเจริญเติบโตช้าลง ซึ่งในช่วงวัย 0-3 ปี เซลล์สมองของเด็กจะมีการเจริญเติบโตมากที่สุด เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงต้องพยายามหากิจกรรมต่าง ๆ ทำกับลูก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กให้ดียิ่งขึ้น ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1.ใกล้ชิด และมองตาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

วิธีนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ลูกแรกเกิด ซึ่งในช่วงวัยนั้นเด็กจะยังมองเห็นภาพต่าง ๆ ไม่ค่อยชัดเจนมาก แต่จะสามารถจดจำได้ดีกับใบหน้าคน คุณแม่จึงต้องคอยใกล้ชิดและมองตาอยู่เสมอ ซึ่งเด็กจะเริ่มมีความรู้สึกผูกพัน และเริ่มมีการพัฒนาระบบความทรงจำมากยิ่งขึ้น และเมื่อโตขึ้นแล้ว ไม่ว่าคุณแม่จะเล่นอะไรด้วย หรืออยากพูดคุยอะไร ก็ให้คอยมองตาเขาตลอด จะทำให้ระบบประสาทและพัฒนาการเด็กดีขึ้น เพราะเกิดความอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัย เนื่องจากมีคุณแม่คอยดูแลอยู่เสมอนั่นเอง

2.ใช้กระจกเป็นเครื่องมือสำคัญ

เมื่อเด็กเริ่มชันคอ หรือเริ่มคว่ำได้แล้ว ก็จะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบข้าง หรือเกิดพฤติกรรมอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น พัฒนาการเด็กในช่วงวัยนี้จะพบได้อีกอย่าง ก็คือการแสดงออกทางอารมณ์และการสื่อสาร หากรู้สึกไม่พอใจ หรือแม่ไม่ยอมอุ้มก็จะร้องไห้ออกมา แต่ถ้าสนุกกับการเล่นของเล่น หรือโดนจั๊กจี้ ก็จะหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อเห็นลูกเริ่มแสดงอารมณ์ออกมาได้บ้างแล้ว ก็ลองหากระจกบานใหญ่ ๆ ให้ลูกได้ดูตัวเองหัวเราะ ร้องไห้ หรือลองโบกมือดู จะทำให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น

3.ส่งเสียงพูดคุย หรือใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาด้านการสื่อสาร

แน่นอนว่า เด็กทารกในช่วง 0-1 ปีนี้ จะยังไม่สามารถพูดได้ หรือพูดออกมาแต่ไม่เป็นภาษา แต่การที่พ่อและแม่ ส่งเสียพูดคุยสูง ๆ ต่ำ ๆ กับลูก จะทำให้เด็กมีการเรียนรู้ และสามารถรับรู้สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารกับเขาได้ ยิ่งถ้าหากมีการเปิดเพลง หรือพ่อแม่ร้องเพลงให้เขาฟังบ่อย ๆ ในช่วงที่มีการอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นม จะทำให้เด็กมีจิตใจแจ่มใส และมีอารมณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาทางด้าน EQ ต่อไป

4.ใช้ตัวเองเป็นของเล่น

เมื่อลูกเริ่มคลาน เริ่มยืน เริ่มเกาะสิ่งของได้บ้างแล้ว ให้เล่นกับลูกด้วยการนอนขวางทาง หรือนั่งขวาง แล้วตั้งของเล่นหรือตุ๊กตาตัวโปรดของลูกไวปลายทาง จะเป็นการสอนให้เด็กรู้จักวิธีการแก้ปัญหา ด้วยการคลานข้ามตัวพ่อและแม่ไป ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะมีการสั่น หรือยกตัวเด็กให้สูงขึ้น เพื่อเรียกเสียงหัวเราะและความสนุกให้กับเด็กด้วย นอกจากจะพัฒนาในเรื่องของการแก้ปัญหา การเรียนรู้ การจินตนาการแล้ว ยังทำให้เด็กมีการพัฒนากล้ามเนื้อ การทรงตัวที่ดีขึ้น และยังช่วยกระชับความสัมพันธ์กับเด็กได้ดีอีกด้วย

5.อย่าอุ้มบ่อยจนเกินไป

ในปัจจุบันนี้ แพทย์มักจะพบปัญหาการมีพัฒนาการที่ช้าของเด็ก เนื่องจากความเป็นห่วงของพ่อแม่ที่มากเกินไป นึกอะไรไม่อออกก็อุ้มลูกอย่างเดียว จนลูกไม่สามารถได้ลองหัดทำอะไรด้วยตัวเองได้ เช่น เมื่อเห็นลูกกำลังพยายามจะคลาน หรือกระดืบไปเอาสิ่งของ ก็รีบเข้าไปอุ้มเพราะกลัวลูกจะเจ็บเข่าหรือหัวทิ่มหัวต่ำ ลูกกำลังจะเล่นน้ำ หรือจับดินสอมาขีด ๆ เขียน ๆ ก็รีบห้ามเพราะเกรงว่าจะเลอะ หรือเป็นอันตรายต่อเด็ก พฤติกรรมของผู้ปกครองเช่นนี้ คือตัวการขัดขวางการเรียนรู้และพัฒนาการเด็ก ซึ่งจะส่งผลเสียมากว่าผลดีในอนาคตได้