เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแย่ และค่อนข้างที่จะทำให้เกิดความเครียดพอสมควร หากคุณแม่ที่กำลังมีการตั้งครรภ์อยู่นั้น เกิดการติดเชื้อ หูดหงอนไก่ ขึ้นมา โดยปัญหานี้มักจะเกิดจากการที่คุณพ่อเอาเชื้อมาติดนั่นเอง ซึ่งโรคหูดหงอนไก่นี้ ถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง อาจจะไม่ทำให้ถึงกับเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโดยตรง แต่ก็เสี่ยงกับการที่จะทำให้เกิดภาวะแท้งบุตร หรือเป็นอันตรายกับบุตร หากหูดมีขนาดใหญ่ นอกจากนี้หูดหงอนไก่บางสายพันธุ์ยังมีความรุนแรง ถึงขั้นกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้อีกด้วย แต่ก็อย่าพึ่งกังวลใจไป การติดเชื้อหูดหงอนไก่ ไม่ได้มีทางออกแค่การผ่าคลอดอย่างเดียว มาทำความเข้าใจกับโรคนี้กันให้มากขึ้น และรู้จักวิธีคลอดบุตรอย่างถูกต้อง

โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร มีลักษณะอย่างไร

ก่อนอื่นก็ไม่อยากให้คุณแม่ที่ได้รับเชื้อนี้ตีโพยตีพายไปว่า เป็นเพราะคุณพ่อนอกใจหรือเปล่า ถึงได้นำเชื้อนี้มาติดตอนตั้งครรภ์ รู้หรือไม่ว่าผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มากถึง 43% มีเชื้อหูดหงอนไก่ หรือเชื้อ HPV อยู่ แต่ไม่ได้แสดงอาการออกมา โดยเชื้อ HPV นี้สามารถรับได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางปาก ทางทวารหนัก หรือทางช่องคลอด คนที่แพร่เชื้อนี้อาจจะไม่มีอาการของโรคเลยก็ได้ ส่วนมากแล้วหลังได้รับเชื้อ มักจะต้องใช้เวลาเป็นปีถึงจะแสดงอาการออกมา อย่างไรก็ตามบางคนอาจไม่แสดงอาการเลยตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นการลดความเสี่ยงในส่วนนี้ให้ดีที่สุด คือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกประจำปีในเพศหญิง

แม่ท้องเป็นโรคนี้ จะมีอาการอย่างไรบ้าง

ส่วนมากแล้วการเป็นหูดหงอนไก่ มักจะเกิดอาการคัน มีตุ่มขึ้นตามอวัยวะเพศ ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ โดยพบได้ทั้งตุ่มเล็ก ตุ่มใหญ่ ตุ่มหลายตุ่มเหมือนดอกกะหล่ำ เมื่อสัมผัสจะพบว่ามีลักษณะไม่เรียบ มีสีออกชมพูหรือแดงคล้ายกับหงอนไก่ หากเกิดกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่ จะพบว่ามีขนาดใหญ่กว่าปกติ (แต่ไม่ใช่ทุกคน บางคนก็ขึ้นตุ่มเล็ก ๆ เหมือนคนปกติ) เนื่องจากหูดหงอนไก่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศหญิง ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนเพศหญิงหลั่งออกมามากกว่าปกติ จึงทำให้เชื้อโรคมีการเจริญเติบโตมาก ในการรักษามีได้ทั้งวิธีการทาด้วยยาสำหรับรักษาหูดโดยเฉพาะ แต่ถ้ามีขนาดใหญ่อาจจะต้องทำการจี้ออกด้วยวิธีการทางการแพทย์ เช่น จี้ไฟฟ้า จี้ความเย็น เป็นต้น

แม่ท้องที่เป็นหูดหงอนไก่ ต้องผ่าคลอดเพียงอย่างเดียวจริงหรือไม่

ถึงแม้ว่าการคลอดโดยปกติทั่วไป มีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกได้รับเชื้อนี้ด้วย แต่ในกรณีที่คุณแม่มีอาการไม่มาก คือมีตุ่มขนาดเล็ก หรือไม่อยู่ในบริเวณที่สัมผัสกับตัวเด็ก ก็สามารถคลอดด้วยวิธีการปกติได้ เพียงแต่อาจจะต้องระวังมากเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กจะไม่ไปสัมผัสกับหูด ในการดูดเสมหะก็ไม่ควรดูดลึกจนเกินไป ในส่วนที่มีอาการมาก หรือมีตุ่มขนาดใหญ่ การผ่าคลอดก็ไม่ได้รับรองผล 100% ว่าเด็กจะไม่มีการได้รับเชื้อนี้ คุณแม่บางคนเสี่ยงที่จะคอลดบุตรด้วยตัวเองทั้งที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ แต่ก็ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกก็มี บางรายเมื่อคลอดบุตรแล้ว หูดก็หายไปเองภายในเวลา 1 เดือน

เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นดุลพินิจระหว่างคุณแม่และแพทย์มากกว่าว่าจะคลอดโดยวิธีใด ถ้าหากว่าทำการรักษาจนหายก่อน หรือมีอาการที่ไม่รุนแรงมาก ก็คลอดตามปกติได้เลย ส่วนมากที่แพทย์มักจะให้ผ่าคลอด ก็เพราะว่ากลัวจะมีผลกระทบกับทารกจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะคลอดวิธีไหน ก็ไม่ได้ป้องกันการแพร่เชื้อได้อย่าง 100% เท่ากัน

Sponsored

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด ควรเลือกแบบสายผูก หรือแบบกระดุมดีกว่ากัน

2.เสื้อผ้าเด็ก อันตราย ไม่ควรให้ทารกใส่ชุดแบบนี้