ทำอย่างไรดี เมื่อ ลูกมีอาการซีดเหลือง และปัสสาวะน้อยมาก แบบนี้ผิดปกติไหม ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าผิดปกติแน่นอน และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน เพราะอาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายอย่าง ภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ที่อันตรายถึงขั้นเสี่ยงไตวายเฉียบพลันได้เลยทีเดียว โดยโรคนี้คืออะไร เกิดจากอะไร และมีวิธีการรักษาอย่างไร เราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาบอกต่อเช่นกัน
ลูกปัสสาวะมีสีดำ อาจเป็นเพราะภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD
ภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งทำให้เด็กมีระดับของเอนไซม์ G6PD ที่ต่ำกว่าปกติ จึงส่งผลกระทบต่อภูมิต้านทานของลูกน้อยโดยตรง นั่นก็เพราะการที่เด็กมีเอนไซม์ชนิดนี้ต่ำ จำทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย และมีอายุไม่ถึง 120 วัน จึงส่งผลให้ลูกน้อยมีภูมิต้านทานต่ำลง เจ็บป่วยไม่สบายได้ง่าย และอาจมีปัญหาเม็ดเลือดแดงน้อยได้อีกด้วย ซึ่งก็ล้วนเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ทั้งสิ้น
สาเหตุและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
สำหรับสาเหตุคาดว่าเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นผลให้เด็กมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ได้สูง ซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงอาการออกมาเมื่อมีสิ่งไปกระตุ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเกิดอาการป่วยขึ้นมานั่นเอง โดยสิ่งกระตุ้นได้แก่
- การติดเชื้อโรค ที่เป็นผลให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น ประกอบกับภูมิคุ้มกันที่ต่ำมากอยู่แล้ว จึงทำให้เกิดอาการของภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ได้ง่าย
- การได้รับยาบางชนิด เพราะยาบางตัวจะมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นหากครอบครัวมีคนเป็นโรคนี้หรือทราบว่าลูกมีภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD อยู่แล้วก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานยาอะไรทุกครั้ง
- การทานอาหารบางชนิด ก็เป็นผลให้เกิดการกระตุ้นภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ได้เช่นกัน โดยเฉพาะถั่วปากอ้า
โรคนี้ มีอาการอย่างไรบ้าง
เมื่อลูกป่วยด้วยภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD จะมีอาการที่สังเกตได้ดังนี้
- ผิวลูกมีอาการซีดเหลืองอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนใหญ่มักจะพบในเด็กทารกที่เพิ่งคลอด 1-4 วันแรก
- ลูกมีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมดูดนม หรือดูดนมแม่น้อยมาก
- ลูกปัสสาวะน้อยจนผิดปกติ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเด็กทารกจะปัสสาวะบ่อยมากถึง 10-12 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว
- ในเด็กบางคน อาจมีปัสสาวะออกมาเป็นสีดำ คล้ายกับสีของน้ำปลาได้
ดูแลรักษาอย่างไร เมื่อลูกพร่องเอนไซด์ G6PD
เมื่อพบว่าลูกมีภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งหากพบภาวะผิดปกตินี้ตั้งแต่แรกคลอด แพทย์จะทำการรักษาด้วยการส่องไฟทันที พร้อมกับให้คำแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกน้อยดังนี้
1.ให้ลูกดื่มนมแม่อย่างเพียงพอ
นมแม่ถือเป็นยาดีที่สุดที่จะช่วยรักษาอาการป่วยภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD ให้กับลูกรักได้ โดยคุณแม่จะต้องให้ลูกดูดนมแม่อย่างต่อเนื่องตามปกติ ซึ่งในขณะเดียวกัน คุณแม่ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ทานยาหรืออาหารที่เป็นตัวกระตุ้นด้วย เพราะจะถูกส่งผ่านทางน้ำนมไปสู่ลูกนั่นเอง เช่น ถั่วปากอ้า เมนทอล ยาแอสไพริน แนพทาลีน คลอแรมเฟนคอล และยากลุ่มซัลฟา เป็นต้น
2.สังเกตลูกอยู่เสมอ
เพราะเด็กที่มีภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD จะไม่แสดงอาการออกมาทันที แต่จะมีอาการเมื่อมีสิ่งมากระตุ้นเท่านั้น ดังนั้นคุณแม่จึงควรสังเกตความผิดปกติของลูกอยู่เสมอ เช่น อาการตัวซีด ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม และมีอาการเหนื่อยตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งหากพบอาการผิดปกติใด ควรรีบพาไปพบแพทย์ในทันที
3.ระมัดระวังการใช้ยากับลูก
การจะใช้ยาอะไรกับลูก ควรปรึกษาแพทย์ถึงภาวะผิดปกติที่ลูกเป็นก่อนเสมอ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ายาอะไรจะไปกระตุ้นอาการของลูกให้กำเริบขึ้นมาหรือไม่ ดังนั้นป้องกันไว้ก่อนจะดีที่สุด
เมื่อลูกป่วยด้วยภาวะพร่องเอนไซด์ G6PD คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกน้อยอยู่เสมอ เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทัน รวมถึงอย่าลืมหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นทั้งหลาย ให้ไกลจากลูกรักของคุณด้วย
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..