แค่ได้ยินคำว่าผ่าคลอดหลายคนก็คงจะรู้สึกกลัวขึ้นมาเลยใช่ไหมและยิ่งเป็นการ ผ่าคลอดแบบไม่วางยาสลบ ก็ยิ่งสร้างความกังวลได้มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าการผ่าคลอดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ แถมยังดีต่อใจเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นเพราะอะไร วันนี้แอดมินก็มีเรื่องราวแชร์ประสบการณ์จากคุณแม่ทางบ้านมาฝากกันอีกเช่นเคย กับประสบการณ์การผ่าคลอดโดยไม่วางยาสลบนั่นเอง โดยจะเป็นอย่างไรก็ไปติดตามกันเลยค่ะ
ประสบการณ์ ผ่าคลอดแบบไม่วางยาสลบ ขอบอกว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
วันก่อนเราเม้าท์มอยกันไปแล้วเรื่องห้องพักโรงพยาบาล วันนี้อัญญ่าจะมาแชร์ประสบการณ์การผ่าคลอดแบบไม่วางยาสลบนะคะ ขอบอกว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ช่วง1-2อาทิตย์ก่อนคลอดรู้สึกตื่นเต้นและกลัวมาก เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านคงเป็นแบบนี้เช่นกันเมื่อถึงวันใกล้คลอด คืนวันก่อนคลอดสามีเลยพยายามที่จะคลายกังวลโดยพาไปกินบุฟเฟ่แบบจัดหนัก เป็นการเฉลิมฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่และเป็นการบอกลาอิสรภาพการออกไปทานข้าวนอกบ้านเพราะคงไม่ได้ไปอีกหลายเดือนหลังจากที่เจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลก
หลังจากกลับมาถึงบ้าน นอนกระสับกระส่าย รู้สึกตื่นเต้น กังวล กลัวเจ็บและดีใจที่จะได้เห็นหน้าลูก หลากหลายอารมณ์ แทบไม่ได้นอน ตีห้าตื่นมาดื่มน้ำทานอาหารให้เต็มที่เพราะเดี๋ยวจะไม่ได้ทานอีกนาน คุณหมอให้อดอาหารและน้ำตั้งแต่ 6 โมงเช้าของวันคลอดเพราะนัดผ่าคลอดตอนบ่ายสาม ส่วนของที่เตรียมไปโรงพยาบาลแพคเรียบร้อยแล้ว หมดห่วง ใครสนใจว่าอัญญ่าแพ็คกระเป๋าไปโรงพยาบาลเตรียมคลอดมีอะไรบ้างก็สามารถดูในบทความก่อนหน้านี้ได้นะคะ ลงไว้ให้อย่างละเอียดแล้ว อย่าแพคกระเป๋า1คืนก่อนไปโรงพยาบาลเพราะจะฉุกละหุกและอาจตกหล่นของจำเป็นบางอย่างได้ค่ะ ออกจากบ้านประมาณเที่ยงเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล
เมื่อถึงโรงพยาบาลก็มีเอกสารให้เซ็นนิดๆหน่อยๆแล้วนางพยาบาลก็พาไปห้องที่จองไว้ ส่วนรีวิวห้องพักที่โรงพยาบาล ราคาและอาหารก็อยู่ในบทความก่อนหน้านี้ ใครที่กำลังเลือกหาโรงพยาบาลอยู่ก็สามารถเข้าไปดูได้ค่ะ โรงพยาบาลที่เลือกผ่าคลอดครั้งนี้คือบำรุงราษฎร์ รออยู่ในห้องไม่นานนางพยาบาลก็เข้ามาสวนและให้อาบน้ำเปลี่ยนชุด ตอนสวนนี่พยายามเก็บไว้ให้นานที่สุดนะคะ เพื่อที่เวลาไปเข้าห้องน้ำจะได้ถ่ายท้องออกมาทั้งหมด หลังจากนั้นก็พาไปห้องสำหรับเตรียมผ่าคลอด ตื่นเต้นกันทั้งสามีและตัวเอง อ้อ…ช่วงที่ยังไม่คลอดไม่ต้องให้ญาติผู้ใหญ่หรือว่าพี่น้องมารอดูหลานนะคะเพราะว่านานมากกว่าจะออกมา ใช้เวลาตั้งแต่ผ่าคลอดจนออกมาน่าจะประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะคุณแม่ต้องพักพื้นดูอาการก่อนที่จะกลับห้องพักได้
ห้องผ่าคลอดไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งนางพยาบาล ผู้ช่วยหมอ รวมถึงคุณหมอทุกคนยิ้มแย้ม เป็นกันเองช่วยสร้างบรรยากาศให้ relaxคลายกังวล ในนั้นห้ามถ่ายภาพเลยอดเอารูปมาแชร์ เอาเป็นว่าบรรยากาศสะอาดสว่าง คล้ายห้องคลอดในหนังรักเกาหลีแล้วกันนะคะ ไม่ใช่ห้องน่ากลัวแบบในหนังผี ก่อนที่จะผ่าคลอดเพื่อนหลายคนเตือนว่าตอนที่จะบลอคหลังให้พยายามโก่งตัวให้มากที่สุด ให้เหมือนกับกุ้ง ยิ่งโก่งงอตัวเยอะหมอจะยิ่งแทงเข็มเข้าไปได้ง่าย แถมขู่อีกว่าบางคนไม่ยอมขดตัวหมอต้องแทงเข็มหลายรอบทำให้เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการบลอคหลังเป็นขั้นตอนที่เจ็บสุดในการผ่าคลอด พอถึงคิวตัวเองคุณหมอบอกให้โก่งตัวเตรียมบลอคหลังเลยพยายามทำให้มากที่สุดแต่ผลอยหลับไปตอนไหนไม่รู้ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่คุณหมอให้ก่อนหน้านั้นรึเปล่าไม่ทราบ แต่ไม่รู้ตัวเลย จำได้ครั้งสุดท้ายคือพยายามโก่งหลัง ตื่นขึ้นมารู้สึกเบลอๆ ถามพยาบาลว่านี่บลอคหลังเสร็จแล้วหรือยัง คำตอบคือเสร็จแล้วค่ะ งงเลย กะจะเตรียมกัดฟันสู้แต่ไหงผ่านขั้นตอนไปแล้ว ซ้ำยังไม่รู้สึกตัวอีกต่างหาก ก็ถือว่าโชคมากที่หลับไม่รู้เรื่อง
เมื่อถึงเวลากำหนดคลอดคุณหมอก็ลงมือผ่าคลอดน้องเอญ่าออกมาอย่างง่ายดายไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด มีความรู้สึกแค่ว่ามีใครทำอะไรบางอย่างที่ท้องแค่นั้น แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงลูกร้อง คำถามแรกที่ถามสามีเมื่อลูกออกมาคือว่าลูกครบ32หรือไม่ คำตอบคือครบ และทุกอย่างเรียบร้อยดี สามีบอกว่าลูกหน้าตาน่ารักมาก เราก็สบายใจว่าลูกครบ32แถมหน้าตาน่ารักอีก หลังจากนั้นไม่นานนางพยาบาล ก็นำลูกมาไว้ที่อกและถ่ายรูปครอบครัวให้สามคน แต่…. คุณพระคุณเจ้า….เหลือบไปดูลูกถึงกับอึ้ง ทำไมมันดูเหี่ยวและเหมือนคนแก่ขนาดนี้ คิดถึงหนังเรื่อง Benjamin Buttonที่แบรท พิทแสดง ตอนนี้ลูกจะครบ2เดือนแล้วจึงกล้าถามสามีว่าทำไมตอนนั้นพี่บอกว่าลูกน่ารัก พี่คิดว่าลูกน่ารักจริงๆหรือ? สามีบอกว่าพูดอย่างนั้นเพื่อให้กำลังใจเพราะเราเพิ่งคลอด ตัวเค้าเองเห็นลูกยังงงว่าเหมือนคนแก่ แต่คุณหมอบอกว่าเด็กทุกคนออกมาจะเหี่ยวแล้วค่อยมาฟูตอนเดือนสองเดือนซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อันนี้ขอบอกคุณแม่ที่กำลังจะคลอดไว้ก่อนเพราะกลัวว่าเดี๋ยวเห็นลูกแล้วจะตกใจว่าไม่น่ารักเหมือนลูกคนอื่นเขา เพราะส่วนใหญ่รูปเด็กที่เราเห็นมักจะคลอดมาแล้วสักพักหนึ่ง
หลังจากถ่ายรูปครอบครัวเสร็จเรียบร้อย อัญญ่าถูกเข็นไปห้องพักฟื้น ส่วนสามีก็ตามนางพยาบาลไปชั่งน้ำหนักลูก ทำสูติบัตร และพาลูกไปเข้าเตาอบเพื่อเตรียมความพร้อมและปรับตัวประมาณ30-45นาทีก็ออกจากตู้อบได้ เอญ่าออกมา 2.87 กิโล ผิดคาดเพราะคิดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า3กิโล สรุปน้ำหนักที่ขึ้น 17 กิโลอยู่กับอีแม่ล้วนๆ ที่แรงยิ่งกว่าคือวันที่เดินออกจากโรงพยาบาลอัญญ่าน้ำหนักเท่าเดิม แถมเพิ่มเติมมา1ขีด อะไรกันนี่ ไหนคนบอกคลอดลูกน้ำหนักจะหายไปทันที5-7กิโล ถามคุณหมอได้ใจความว่าอาจจะยังบวมน้ำเพราะว่าให้น้ำเกลือด้วย คุณแม่คนไหนคลอดลูกออกมาแล้วน้ำหนักยังไม่ลงในช่วงที่ยังอยู่โรงพยาบาลไม่ต้องกังวลนะคะเดี๋ยวจะค่อยๆลดลงแน่นอนค่ะ
เห็นไหมคะว่าการผ่าคลอดแบบไม่วางยาสลบก็ไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะฉะนั้นคุณแม่ท่านไหนที่จะต้องผ่าคลอดแบบไม่วางยา ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ มาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม เพื่อคลอดเจ้าตัวน้อยกันดีกว่า
ขอบคุณที่มา : The Mother Story จาก Pantip
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..