ในขณะที่บางคนอยากมีลูก แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่พร้อมจะมีลูกเช่นกัน ดังนั้น ยาคุมฉุกเฉิน จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับคนที่เกิดพลาดขึ้นมา เช่น คุมกำเนิดด้วยการปล่อยนอก หรือใช้ถุงยางแต่ถุงยางแตก รวมถึงคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน แต่ทั้งนี้การกินยาคุมฉุกเฉินก็จะต้องกินให้ถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการป้องกันที่ดีที่สุด โดยในบทความนี้เราก็จะมาพูดถึงวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินและประสิทธิภาพของยาคุมชนิดนี้กัน
ยาคุมฉุกเฉิน ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ ได้อย่างไร
เมื่อกินยาคุมแบบฉุกเฉิน ยาคุมจะออกฤทธิ์โดยการเข้าไปรบกวนไม่ให้อสุจิว่ายเข้าไปผสมกับไข่ได้ง่ายจนเกินไป พร้อมกับเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นผลให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวเพื่อปฏิสนธิได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อกินยาคุมฉุกเฉินจึงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ทั้งนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเพียง 85% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะกินยาคุมฉุกเฉินแล้วก็ยังมีโอกาสในการตั้งครรภ์อยู่ดี เพียงแต่จะมีโอกาสน้อยมาก นอกจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการกินยาคุมฉุกเฉินด้วย เพราะหากกินช้าเกินไป ก็จะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดน้อยลงไปด้วยนั่นเอง
วิธีการกินยาคุมแบบฉุกเฉิน อย่างถูกต้อง
สำหรับวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้อง ก็คือจะต้องกินยาคุมเม็ดแรกทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 24 ชั่วโมง และกินยาคุมเม็ดที่สองหลังจากกินยาคุมเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมงนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น กินยาคุมเม็ดแรกเวลา 07:00 น. นับไปอีกสิบสองชั่วโมงก็จะต้องกินยาคุมเม็ดที่สองเวลา 19.00 น. ซึ่งหากกินยาคุมเม็ดที่สองไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการท้องให้สูงขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คเวลาให้ดีเลยเชียว ส่วนจะเลือกกินยาคุมเม็ดไหนก่อนดีนั้น สามารถเลือกได้เลยเพราะไม่มีกำหนด
กินยาคุมแบบฉุกเฉินแล้ว ยังมีโอกาสท้องหรือเปล่า
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ยาคุมแบบฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ 85% เท่านั้น จึงหมายความว่า แม้จะกินยาคุมแบบฉุกเฉินไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสท้องได้อยู่ดี ซึ่งหลังกินยาคุมฉุกเฉินก็ต้องรอดูว่าประจำเดือนมาตรงตามปกติหรือไม่ หากประจำเดือนขาดก็ค่อยลองตรวจครรภ์ดูเพื่อความมั่นใจนั่นเอง แต่ทั้งนี้จากการกินยาคุมแบบฉุกเฉิน ก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือเร็วเกินไป และอาจมีเลือดออกหลังจากกินยาคุมไปประมาณ 1 สัปดาห์อีกด้วย
ผลข้างเคียง จากการกินยาคุมแบบฉุกเฉิน
จากการกินยาคุมแบบฉุกเฉินก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกัน จึงมีคำแนะนำว่าไม่ควรกินยาคุมแบบฉุกเฉินบ่อยเกินไป หรือไม่ควรเกินจาก 2 กล่องต่อเดือนนั่นเอง ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก็มีดังนี้
1.มีเลือดออกแบบกะปริดกะปรอย ซึ่งจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุม โดยไม่ใช่ประจำเดือนแต่อย่างใด ทั้งนี้อาการเลือดออกก็มักจะเกิดขึ้นหลังจากกินยาคุมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์นั่นเอง
2.ประจำเดือนอาจมาเร็วหรือมาช้ากว่าปกติได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลมากนัก
3.มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายแบบกะทันหัน จึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้ แต่ทั้งนี้หากอาเจียนมากจนรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด
4.เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกและเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมจึงไม่ควรกินยาคุมแบบฉุกเฉินมากเกินไปนั่นเอง ซึ่งหากใครมักจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยหรือกินยาคุมแบบทั่วไปจะดีกว่า นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีคุมกำเนิดแบบอื่นๆ อีกด้วย
5.เกิดความผิดปกติที่รังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะทำให้มีปัญหามีลูกยากหรือเกิดความผิดปกติอื่นๆ ได้
6.มีอาการปวดท้อง คล้ายกับเวลามีประจำเดือน โดยสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการกินยาพาราเซตามอน หรือยาแก้ปวดประจำเดือนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ในบางคนก็อาจมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยอีกด้วย
ยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้จริง แต่ก็ยังมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ และที่สำคัญไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายได้อีกด้วย ดังนั้นควรกินยาคุมแบบนี้เฉพาะเวลาที่จำเป็นจริงๆ จะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลังนั่นเอง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..