หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีอาการท้องเสีย อาเจียน มากกว่า 4 ครั้งใน 1 วัน หรือในบางรายอาจจะมีอาการเป็นไข้ร่วมด้วย จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง บทความนี้เราจะนำข้อมูลในการดูแลมาแนะนำคุณแม่กันค่ะ
ท้องเสีย อาเจียนขณะตั้งครรภ์ อันตรายไหม
ธรรมชาติของคนท้องเมื่อคุณแม่มีอาการเจ็บป่วยไม่สบาย ย่อมส่งผลกระทบไปยังลูกน้อยในครรภ์ด้วย อาการท้องเสียของคุณแม่ตั้งครรภ์ จึงส่งผลต่อลูกในครรภ์อย่างแน่นอน เนื่องจากเมื่อร่างกายคุณเกิดภาวะขาดน้ำ และขาดเกลือแร่ ลูกน้อยในครรภ์ก็จะเกิดภาวะขาดน้ำ ขาดเกลือแร่ตามไปด้วย ซึ่งอาการท้องเสียหากไม่รุนแรงก็จะหายเองในไม่กี่วัน แต่หากมีอาการท้องเสีย ร่วมกับอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที
- มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ร่วมกับปวดศีรษะ
- มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
- ขณะถ่ายมีอาการปวดเบ่งร่วมด้วย
- บางรายอาจมีการถ่ายเหลวเป็นน้ำขุ่นขาว พร้อมกับมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
- ถ่ายมากกว่า 4 ครั้งใน 1 วัน
- บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
การดูแลตัวเอง เมื่อมีอาการท้องเสีย อาเจียน
เมื่อคุณแม่มีอาการท้องเสีย อาเจียน หลายๆ ครั้งมักจะทำให้มีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย จึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองเพื่อให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็วด้วยวิธีการดังนี้
1.พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะการถ่ายเหลวหลายๆ ครั้งทำให้ร่างกายมีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ต่างๆ คุณแม่ควรจะต้องหยุดทำงานแล้วมานอนพักผ่อนเสียบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จะได้ช่วยให้หายจากอาการอ่อนเพลียและกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น
2.จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ
เมื่อรู้สึกอ่อนเพลียมากๆ ควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไปขณะขับถ่าย หากคุณแม่ไม่ได้เพลียมากให้ดื่มน้ำเปล่าบ่อยขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ
3.งดกินอาหารบางชนิด
อาหารบางชนิดอาจทำให้มีอาการท้องเสียมากขึ้นได้ เช่น นมสด อาหารทอด หรืออาหารที่ไขมันสูง อาหารทะเล อาหารรสเผ็ด อาหารที่มีกากใยสูง และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว เนื่องจากย่อยยากจึงส่งผลให้มีอาการท้องเสียรุนแรงขึ้นได้
4.กินอาหารอ่อน หรืออาหารเหลว
อาหารที่คุณแม่ควรกินขณะเกิดอาการท้องเสีย อาเจียน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุปข้น หรือทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย เช่น ขนมปัง กล้วย โยเกิร์ต ข้าว เนื้อไม่ติดมัน ต้มเปื่อย และอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายชนิดอื่นๆ ตามสะดวก
5.กินยาฆ่าเชื้อ ที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อคนท้อง
หากจำเป็นต้องซื้อยากินเองควรเป็นยาในกลุ่ม แอมพิซิลลิน อม๊อกซิซิลลิน ห้ามกินยาแก้ท้องเสีย ท้องอืด ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียมากินเอง ห้ามกินยาหยุดถ่าย เพราะการกินยาเพื่อหยุดถ่ายอาจทำให้เชื้อโรคยังค้างอยู่ในร่างกาย อีกทั้งยาต่างๆ อาจส่งผลต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อยได้โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ หรือใช้ยาแก้ท้องเสียที่เป็นอันตรายกับสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งยามีส่วนผสมของโซเดียมหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นสารต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก หากจำเป็นต้องใช้ยาชนิดไหนควรปรึกษาสูติแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
6.พบแพทย์เพื่อทำการรักษา
หากพบว่ามีอาการรุนแรงตามอาการดังกล่าวข้างต้น จะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
วิธีป้องกันอาการท้องเสีย
คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรมีวิธีป้องกันท้องเสีย อาเจียน อย่างไร
1. เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกทุกครั้ง งดกินอาหารที่ไม่สุก หรือสุกๆ ดิบๆ รวมถึงอาหารทะเลที่มาจากแหล่งรับน้ำช่วงฤดูน้ำหลากเพราะอาจมีตะกอนเชื้อโรค ซึ่งสะสมอยู่ในแพลงตอน เมื่อกินอาหารทะเลประเภท กุ้ง กั้ง หอย ปู จึงทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ซึ่งมีอาการท้องเสีย อาเจียน ร่วมกับการถ่ายเหลวได้
2. หลีกเลี่ยงการกินน้ำแข็ง น้ำดื่มที่ไม่สะอาด ซึ่งน้ำแข็งอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคขณะขนส่งหรือการจัดเก็บ เป็นสาเหตุของการท้องเสีย อาเจียน จากอาหารเป็นพิษได้ง่าย นอกจากนี้ควรงดการดื่มน้ำผลไม้ที่ไม่มั่นใจว่ามีความสะอาดมากพอ ทางที่ดีควรคั้นน้ำผลไม้ดื่มด้วยตัวเอง โดยการนำผลไม้มาล้างด้วยน้ำเกลือเจือจาง และล้างน้ำหลายๆ ครั้งจนสะอาดจึงคั้นน้ำกินได้
3. หมั่นดูแลสุขอนามัย รักษาความสะอาดส่วนบุคคลหลังจากขับถ่ายทุกครั้ง ควรทำความสะอาดบริเวณทวารหนักให้สะอาดและถูกวิธี โดยการเช็ดทำความสะอาด ให้เช็ดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก เข้าสู่ทางปากช่องคลอด จนส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ตามมาได้นอกจากนี้ควรล้างมือทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำ รวมถึงก่อนทำหลังทำอาหารเสร็จแล้วด้วย
4. ทำความสะอาดชักโครก ที่รองนั่งและปุ่มกดชักโครกด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งที่เข้าไปทำธุระส่วนตัว จะช่วยป้องกันเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนจนเข้าสู่ร่างกายและเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
เมื่อคุณแม่มีอาการท้องเสีย อาเจียน แต่มีอาการน้อย หรือหากคุณแม่ไม่มั่นใจที่จะประเมินอาการตนเองให้ปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรจะกินยาชนิดไหนจึงจะดีต่อร่างกาย หากกินแล้วอาการไม่ดีขึ้นและพบว่ามีอาการท้องเสีย อาเจียนรุนแรง ควรรีบไปแพทย์ทันที เพื่อแพทย์จะได้ตรวจว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วยหรือไม่ และหากคุณแม่มีอาการท้องเสียหลายวันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งต้องได้รับการตรวจ เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
= = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่