คุณแม่ช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก อาจจะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมากนัก นอกจากอาการแพ้ท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งคุณแม่หลายคนก็อาจจะเกิดความสงสัยว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแล้ว วันนี้เราจึงจะมาบอกให้ได้รู้กันค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน เป็นอย่างไร
สำหรับพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้มีการพัฒนาตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 3 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังนี้
1. ตัวทารกมีขนาดเท่าผลมะนาวโดยมีความยาวตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าขนาด 10 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 15 กรัม
2. พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน ทารกจะมีส่วนศีรษะใหญ่กว่าลำตัว ขณะเดียวกันก็จะมีซี่โครง รวมถึงกระดูกลำตัวชัดขึ้น
3. มีการพัฒนาของอวัยวะเพศที่เห็นจากภายนอกได้ แต่ไม่สามารถระบุเพศหญิงชายได้
4. มองเห็นขากรรไกรรวมถึงเหง้าฟันแท้ทั้ง 32 ซี่ โดยจะซ่อนอยู่ในปุ่มเหงือกครบทุกซี่
5. ลำไส้เริ่มทำงาน โดยจะสังเกตได้ว่า ทารกมีการกลืนน้ำคร่ำได้แล้ว
6. ระบบขับถ่ายเริ่มทำงาน ซึ่งสังเกตได้จากการมีปัสสาวะออกมาเล็กน้อยเจือปนอยู่ในถุงน้ำคร่ำ
7. หัวใจมีการพัฒนาขึ้น การเต้นของหัวใจเร็วมากประมาณ 160 ถึง 170 ครั้งต่อนาที ส่วนในคุณแม่บางรายที่แพทย์ยังไม่สามารถฟังเสียงหัวใจของเด็กได้ อาจจะเป็นเพราะผนังหน้าท้องของคุณแม่มีความหนา จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงหัวใจของลูกนั่นเอง
อาหารบำรุงครรภ์ที่แนะนำ
อาหารในช่วงไตรมาสแรกมีความสำคัญต่อการสร้างร่างกาย และสมองรวมถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือนเป็นอย่างมาก โดยอาหารที่คุณแม่ควรกินในช่วงนี้ ได้แก่
1.โฟเลต
กลุ่มอาหารที่มีโฟเลตสูง มีความจำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ในช่วงนี้มาก เพราะโฟเลตมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเซลล์สมองและระบบประสาทให้มีความสมบูรณ์ มีความเฉลียวฉลาด มีเชาว์ปัญญาดี ลดความเสี่ยงพิการแต่กำเนิด และยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอตลอดอายุครรภ์จนกระทั่งคลอด นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตรได้ดีอีกด้วย ซึ่งคุณแม่ที่วางแผนจะให้นมลูกด้วยตัวเองนานๆ ควรจะกินอาหารที่มีโฟเลตสูง ซึ่งประกอบด้วย ผักใบเขียว เช่น คะน้า บร็อคโคลี่ ผักโขม ยอดแค ยอดฟักทอง ตำลึง คึ่นช่าย มะเขือเทศ และผักกาดหอม ส่วนผลไม้ ได้แก่ ในทุเรียน กล้วยหอม ส้ม องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ สัปปะรด มะละกอ และฝรั่ง ผักใบเขียวสามารถนำมากินเป็นสลัด หรือปรุงวิธีอื่นก็ได้ รวมถึงการกินโฟเลตชนิดเม็ดเสริมตามที่คุณหมอแนะนำไปด้วย
2.แคลเซียม
อาหารประเภทแคลเซียมที่คนท้องควรกินคือ นมถั่วเหลือง นมวัว ถั่วเมล็ดแห้งชนิดต่างๆ ไข่ ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งก้าง เต้าหู้ นอกจากนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ควรตื่นเช้ามาเดินเล่นเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากธรรมชาติ จะช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น และส่งผลดีต่อพัฒนาการทารก 3 เดือนมากทีเดียว
3.ธาตุเหล็ก
อาหารที่มีธาตุเหล็กคนท้องจำเป็นต้องได้รับอย่างเพียงพอ เพราะธาตุเหล็กมีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงของคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงที่คุณแม่ควรกินคือ ตับหมู เนื้อแดงไม่ติดมัน ไข่ เนื้อปลาทูน่า บีทรูท ส้ม ข้าวโอ๊ต รำข้าว ถั่วแดง มันฝรั่ง รวมถึงผักใบเขียวชนิดต่างๆ
4.โปรตีน
โปรตีนที่เหมาะสมกับคนท้องควรเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้ทั้งแบบอ่อนและแบบแข็ง ไข่ไก่ ถั่วเมล็ดแห้งชนิดต่างๆ ซึ่งการกินโปรตีนที่เหมาะสมจะช่วยเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือนได้ดี
5.ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
น้ำสะอาดมีความสำคัญต่อระบบการไหลเวียนเลือดของคุณแม่ หากเลือดไหลเวียนดี การนำพาสารอาหารไปเลี้ยงทารกก็จะดีไปด้วย ซึ่งทารกจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้จากการที่คุณแม่ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสมนั่นเอง
คำแนะนำสำหรับคนท้อง 3 เดือน
มาดูคำแนะนำเพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือนที่ดีกันดีกว่า ซึ่งได้แก่
1.สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องควรกินอาหารร้อนๆ กินง่าย
อาหารที่ซดกินน้ำซุปขณะอุ่นจัดๆ จะช่วยให้คุณแม่กินได้คล่องคอ กลืนง่าย ไม่ว่าจะเป็นซุปข้น ข้าวต้มปลา ข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มหมู รวมถึงโจ๊กหมู ตับ และไข่ใส่ขิงไปด้วยก็จะช่วยให้กินได้ง่าย อีกทั้งยังมีขิงซอยที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้ ขับลมในท้อง แก้ท้องอืด และลดอาการแพ้ท้องได้ดี
2.อาหารใหม่สด สะอาด รสชาติไม่จัดจ้าน
อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์กินในช่วงนี้ควรจะเป็นอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการกินอาหารปรุงไม่สุก หรือสุกๆ ดิบๆ อาหารค้างคืน อาหารหมักดอง ขนมหวานจัด ตลอดจนอาหารที่มีรสจัด เผ็ด หรือเปรี้ยวจนเกินไป เพราะอาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องเดินได้
3.หลีกเลี่ยงการกินยานอกเหนือจากแพทย์สั่ง
ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก หากเกิดเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์ ห้ามซื้อยามากินเองโดยเด็ดขาด รวมถึงต้องหยุดกินยาหรืออาหารเสริมที่เคยกินก่อนการตั้งครรภ์ทั้งหมดไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการทารก 3 เดือนได้ ส่วนการใช้เครื่องสำอางและครีมทาผิว ควรเลือกชนิดที่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์มาใช้จะดีกว่า
การตั้งครรภ์มีความสำคัญทุกช่วงวัย แต่ช่วงสามเดือนแรกมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ทารกมีการสร้างไขสันหลัง สมอง และอวัยวะอื่นๆ ให้สมบูรณ์ครบถ้วน หากคุณแม่ดูแลสุขภาพได้ดีทารกจะมีความสมบูรณ์ครบถ้วน 32 ประการ อีกทั้งยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเป็นเลิศอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วคุณแม่คงไม่พลาดที่จะดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือนที่ดีนั่นเอง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่