เคยมีคุณแม่ท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์ ภาวะลูกตายในครรภ์ ให้ฟังว่า เธอได้สูญเสียลูกในครรภ์ไป แบบไม่ทันตั้งตัวและตั้งใจรับ จึงอยากเตือนแม่ท้องทุกคนระมัดระวังดูแลตนเองให้ดี รวมถึงการฝากครรภ์และการไปพบคุณหมอตามนัดอย่างสม่ำเสมอ อย่าละเลยและมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียเวลาเดินทางไปหาหมอ นั่นเพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ความเสียใจนั้นจะไม่สามารถจะเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้แล้ว
สาเหตุการตายของทารกในครรภ์
เธอบอกว่า “ลูกน้อยตายในครรภ์” ทีมคนท้องก็เลยอยากไขคำตอบ หาข้อมูลสำหรับเรื่องนี้มาฝากค่ะ ลูกน้อยในครรภ์ตาย หมายถึง ในประเทศกำลังพัฒนา จะหมายถึงการตายของทารกในครรภ์ ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไปหรือน้ำหนักทารกตั้งแต่ 1000 กรัม และในประเทศทางตะวันตกมักจะถือเอาที่อายุครรภ์ 20-22 สัปดาห์ หรือน้ำหนักทารกตั้งแต่ 500 กรัม หรือความยาว 25 ซม. ขึ้นไป
สาเหตุการตาย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1.สาเหตุจากทารกในครรภ์
ร้อยละ 25-40 >>ความผิดปกติทางโครโมโซม พบร้อยละ 8-13 >>ความพิการแต่กำเนิด ร้อยละ 15-20 >>สาเหตุอื่นๆ เช่น คลอดก่อนกำหนด ภาวะโตช้าในครรภ์ชนิดรุนแรง ทารกบวมน้ำ การติดเชื้อในครรภ์
2.สาเหตุจากรก
>>ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด การติดเชื้อในโพรงมดลูก ภาวะเส้นเลือดอุดกั้นในสายสะดือ >>สายสะดือผิดปกติ
3.สาเหตุจากมารดา
>>อายุมากกว่า 35 ปี ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ >>โรคทางอายุรกรรม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตชนิดรุนแรง โรคต่อมธัยรอยด์ โรคอ้วน โรคติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น >> ภาวะทางสูติกรรม เช่น คลอดก่อนกำหนด ปัญหาระหว่างรอคลอด อาจเกิดภาวะทารกคับขัน การคลอดติดขัด เสียเลือดมากก่อนคลอดหรือระหว่างคลอด มดลูกแตก รกลอกตัวก่อนกำหนด ตั้งครรภ์เลยกำหนด เป็นต้น >> ภาวะอื่นๆ เช่น ยาหรือสารเสพติด บุหรี่ เป็นต้น
4.ไม่ทราบสาเหตุ
จะรู้ได้อย่างไรว่าทารกเสียชีวิตในครรภ์? ให้สังเกตอาการของการตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน เต้านมคัดตึง หายไป น้ำหนักตัวแม่ท้องไม่ขึ้นหรือน้ำหนักลดลง ทารกที่เคยดิ้นในครรภ์แล้ว หยุดดิ้นไป ครรภ์ไม่โตขึ้น หน้าท้องไม่โตขึ้น และกลับเล็กลงด้วย มีเลือดออกทางช่องคลอด
ทั้งนี้ทางป้องกันสำหรับแม่ท้อง การฝากครรภ์และมีการพบคุณหมอตามที่นัดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งหากพบว่าขนาดของครรภ์ไม่โตขึ้นตามที่ควรจะเป็น รวมถึงมีข้อสงสัยอื่น ๆ หมอก็จะมีการตรวจเช็กสุขภาพครรภ์ รวมถึงจะส่งไปตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) เพื่อดูการเต้นของหัวใจทารก โดยเป็นการวินิจฉัยทารกในครรภ์เสียชีวิตได้แม่นยำที่สุด
อย่างที่บอกไปค่ะการฝากครรภ์และไปตามที่หมอนัดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเมื่อพบอาการผิดปกติ ไม่ควรเก็บข้อสงสัยต่างๆไว้ในใจ แนะนำให้รีบพบแพทย์ด่วนค่ะ และหากแม่ท้องคนไหนที่ประสบปัญหาแบบนี้คนรอบข้างต้องร่วมกันให้กำลังใจให้แม่ท้องผ่านไปให้ได้ โดยเฉพาะคุณสามีต้องให้กำลังใจและปลอบ คอยอยู่เคียงข้างตลอด เพราะภาวะแบบนี้ คือความเสียใจมหาศาล จนแม่ท้องบางคนมีอาการ ป่วย ซึมเศร้า เครียด หรืออื่น ๆ กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากค่ะ
= = = = = = = = = = = =