ลูกเป็นหวัดบ่อย … ปัญหาลูกเป็นหวัดบ่อย คงเป็นอะไรที่รบกวนจิตใจคุณแม่หลาย ๆ คนเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรให้ลูกหายจากจากการเป็นโรคหวัดได้นาน ๆ เด็กบางคนเป็นหวัดทุก ๆ เดือน เดือนละอย่างน้อย 5-10 วัน เมื่อไม่สบายตัว หายใจไม่ออก ไอ เจ็บคอ ก็จะแสดงอาการหงุดหงิด งอแงตามมา เมื่อพาไปพบแพทย์ก็มักจะได้รับยาหลายขนาน ซึ่งก็ยากต่อการป้อนอีก จึงทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนเหนื่อยสายตัวแทบขาดเมื่อเจอปัญหาเช่นนี้ เราจึงขอแนะนำเรื่องของการป้องกันและวิธีดูแลลูกเป็นหวัดบ่อยอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ลองนำไปปรับใช้กันต่อไป
ดูแลอย่างไร เมื่อลูกเป็นหวัดบ่อย
อธิบายกันก่อนว่าการที่ลูกเป็นหวัดบ่อยได้นั้นเกิดขึ้นจากการได้รับเชื้อไวรัส ที่มีมากมายกว่า 200 ชนิดที่เป็นสาเหตุให้เกิดไข้หวัดได้ และภูมิต้านทานในตัวเด็กอาจจะยังไม่แข็งแรงเพียงพอ จึงทำให้เป็นหวัดได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าหากอากาศเย็นมาก ๆ ระบบการหายใจของจมูกก็จะมีการปรับตัวด้วยการทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณเยื่อบุรูจมูกเพื่อทำให้อากาศอุ่นก่อนที่จะหายใจเข้าไป แต่ผลที่ได้คือการที่จมูกจะผลิตเมือกออกมามากขึ้น กลายเป็นน้ำมูก ซึ่งเมื่อสะสมมาก ๆ ก็จะกลายเป็นไข้หวัดได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ถึงแม้ว่าลูกเป็นหวัดบ่อย แต่ก็จะสามารถหายได้เองภายในเวลา 1-5 วัน เพียงแค่รักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งคุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ คือ
- ให้ลูกได้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง ถ้าหากลูกอยู่ในวัยพึ่งเข้าโรงเรียน ควรให้หยุดก่อน เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายมากกว่าเดิม
- หากมีอาการตัวร้อน ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิห้อง (ห้ามใช้น้ำเย็นเด็ดขาด) เป็นเวลาอย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อให้อุณหภูมิลดลง แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น ค่อยให้ยาลดไข้เพิ่ม
- ให้ลูกได้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
- หากพบว่าลูกมีน้ำมูกไหลจำนวนมาก จนหายใจไม่ออก ให้หาหลอดดูดน้ำมูก เพื่อช่วยในการดูดน้ำมูกออกมา หรืออาจจะใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ จะทำให้ลูกหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังเรื่องของความสะอาดของอุปกรณ์ที่นำมาใช้ด้วย
แต่ถ้าหากว่าลูกเป็นหวัดบ่อย แล้วมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ คุณแม่ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- มีไข้สูงนานเกิน 3 วัน ถึงแม้จะมีการเช็ดตัว และให้ยาลดไข้ แต่ไข้ไม่ลดลง
- เป็นหวัดนานเกิน 1 สัปดาห์ ให้ทานยาและพักผ่อนแล้วก็ยังไม่หาย อาจจะเกิดจากการเป็นหวัดเรื้อรังที่มีสาเหตุจากโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่งต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น
- มีอาการไอรุนแรง และหายใจไม่ค่อยออก อาจจะพบการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนล่าง หรือปอดได้
- มีอาการปวดหู เนื่องจากไวรัสบางชนิดส่งผลให้หูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ อาจส่งผลให้เป็นโรคหูน้ำหนวก ที่รักษาได้ยากกว่าเดิม
- เด็กมีอาการซึมเศร้า มือเย็น เท้าเย็น ทั้งที่ปกติเป็นเด็กร่าเริงมาโดยตลอด
- ไม่สามารถทานอาหารได้ หากทานเข้าไปจะอาเจียนออกมา
การป้องกันไม่ให้ลูกเป็นหวัดบ่อย
ถึงแม้ว่าโรคไข้หวัดในเด็กนั้น จะสามารถรักษาด้วยตัวเองได้ แต่คุณแม่หลาย ๆ คนก็คงจะไม่สบายใจอยู่ดีเมื่อเห็นลูกเป็นหวัดบ่อย ๆ และหาวิธีที่จะป้องกันอย่างเต็มที่ เพราะสงสารลูกเวลาต้องไปพบแพทย์หรือทำการป้อนยา ซึ่งก็มีวิธีการป้องกันง่าย ๆ คือ
- การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กได้รับเชื้อไวรัสโดยง่าย เช่น การหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดอยู่แล้ว , การไม่พาเด็กไปในสถานที่แออัดที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค , การไม่พาลูกไปในสถานที่ที่ไม่มีการดูแลสุขอนามัย และเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก เช่น สนามเด็กเล่น เป็นต้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เต็มไปด้วยมลพิษ อย่างร้านอาหารกลางคืน ที่ให้แขกสูบบุหรี่ได้ สถานที่ก่อสร้าง เป็นต้น
- ไม่ควรพาลูกไปในสถานที่ ที่มีอุณหภูมิเย็นจัด หรือร้อนจัด หากจำเป็นควรให้เด็กได้มีการปรับตัวก่อน เช่น การเตรียมเสื้อกันหนาวให้ หรือเตรียมพัดลมมือถือให้ใช้ระบายความร้อน
- เสริมสร้างภูมิต้านทานของเด็กให้แข็งแรงมากขึ้น เช่น ให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ , ฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครบตามที่แพทย์กำหนด , ให้เด็กได้ออกกำลังกายเป็นประจำ , พักผ่อนอย่างเพียงพอ และดื่มน้ำเยอะ ๆ สม่ำเสมอ
- สำหรับคุณแม่ที่พึ่งคลอดบุตร ควรให้ลูกได้ทานนมแม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ปี จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ดีขึ้นยิ่งกว่าวิธีใด ๆ ทั้งสิ้น
สรุปแล้ว ถ้าหากคุณแม่ไม่อยากให้ลูกป่วยบ่อย ก็ควรดูแลสุขภาพของเจ้าตัวน้อยให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงให้เขาได้ดื่มนมและทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเขาให้แข็งแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง
ขอขอบคุณที่มา : pantip , si.mahidol.ac.th
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..