คุณแม่ผ่าคลอดมักจะกังวลในเรื่องของแผลเป็นจากการผ่าคลอด เพราะนอกจากจะรักษาแผลอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อแล้วหลังจากที่แผลหายยังกังวลในเรื่องของรอยแผลเป็นอีกด้วย เนื่องจากว่าการผ่าคลอดจะต้องมีรอยแผลเป็นอยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่าแผลจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือ รอยแผลผ่าคลอด มีลักษณะแบบใด หากไม่อยากมีรอยแผลเป็นจากการผ่าคลอด วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ ลองทำดูเชื่อว่าจะทำให้แผลเป็นจากการผ่าคลอดจางลงได้ไม่ยากเลย
รอยแผลผ่าคลอด มีกี่แบบ
คุณแม่หลังคลอดแน่นอนว่าจะต้องมีรอยแผลเย็บ ไม่ว่าจะเป็นแผลจากการคลอดแบบธรรมชาติ หรือที่เรียกว่ารอยฝีเย็บรอยฉีกขาดบริเวณช่องคลอด หรือจะเป็นรอยแผลจากการผ่าคลอดที่มีรูปแบบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยและการวินิจฉัยของหมอว่าคุณแม่เหมาะที่จะผ่าคลอดในลักษณะแบบใด รอยแผลผ่าคลอด มีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบผ่าแนวขวางและแบบผ่าแนวตั้งโดยมีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้
1.รอยแผลผ่าคลอดแนวตั้ง
โดยปกติแล้วหน้าท้องของคนเราจะมีด้วยกันหลายชั้น และการผ่าคลอดก็ต้องผ่าลงไปถึง 7 ชั้นด้วยกัน โดยการผ่าเนื้อผ่านชั้นผิวหนัง จากนั้นก็ชั้นที่เป็นไขมันตามด้วยเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อ เยื่อหุ้มช่องท้อง ผนังเยื่อหุ้มมดลูก และกล้ามเนื้อมดลูกซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย การผ่าคลอดแนวตั้งในอดีตหมอจะทำการผ่าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาถึงกลางหัวหน่าว เนื่องจากการแพทย์ยังไม่ทันสมัยยังไม่ทราบว่าสามารถที่จะผ่าแนวนอนได้ เพราะเมื่อผ่าลงไปกลางๆ อย่างชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เส้นกล้ามเนื้อจะเป็นแนวตั้ง แพทย์ในอดีตจึงเข้าใจว่าการลงแผลแนวตั้งจะช่วยให้การแหวกของกล้ามเนื้อไม่ฉีกขาดนั่นเอง
2.รอยแผลผ่าคลอดแนวขวาง
แผลผ่าคลอด แนวขวาง หรือที่เรียกกันว่าบิกินีไลน์ จะดีกว่าแนวตรงเพราะมีแผลน้อยกว่าและเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากว่าหน้าท้องของคนเราจะมีลักษณะที่หย่อนยานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อแพทย์จะทำการผ่าแผลแนวนอนเพื่อทำการเปิดผิวหนังหน้าท้องเข้าไปด้านใน เมื่อถึงบริเวณชั้นตรงที่เป็นกล้ามเนื้อก็จะเปลี่ยนไปเป็นแนวตั้งเหมือนปกติ การผ่าลักษณะนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ช้ำ และแผลจะมีลักษณะที่สวยกว่าแผลแนวตั้ง
วิธีดูแลแผลผ่าคลอด ไม่ให้เป็นแผลเป็น
โดยปกติแล้ว รอยแผลผ่าคลอด จะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ในการสมานแผล การดูแล แผลผ่าคลอด นั้นสำคัญมาก เพราะหากดูแลไม่ดีเกิดติดเชื้ออักเสบขึ้นมาจะทำให้เป็นแผลเป็นที่ใหญ่และเห็นได้ชัดมากขึ้น แต่หากดูแลอย่างดีหมั่นทาครีมก็จะช่วยให้รอยแผลเป็นจางลงได้เช่นกัน โดยจะดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไรไม่ให้เป็นรอยแผลเป็นมาดูกันเลยดีกว่า
1.เลี่ยงยกของหนักในช่วง 3 เดือนแรก
หลังจากผ่าคลอดในช่วง 3 เดือนแรกคุณแม่จะต้องดูแลแผลให้ดีพยายามอย่าให้อักเสบหรือติดเชื้อ และช่วงนี้รอยแผลก็จะเป็นแบบคีลอยด์ คือมีลักษณะแดงนูน ดังนั้นห้ามทำงานหนัก ยกของหนัก หรือยืดเหยียดแผลโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลปริหรือฉีกขาดได้ และเมื่อแผลปริหรือฉีกขาดแผลจึงพยายามสร้างเส้นใยคอลลาเจนมากขึ้นเพื่อยึดรอยแผลให้แน่นขึ้นทำให้แผลมีรอยแดงนูนขึ้นกลายเป็นแผลคีลอยด์ในที่สุด
2.เลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ
รอยแผลผ่าคลอด ที่อักเสบติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการทำความสะอาดแผลไม่ดี และแผลโดนน้ำจนกลายเป็นที่สะสมเชื้อแบคทีเรียทำให้แผลอักเสบติดเชื้อนั่นเอง ในช่วงผ่าคลอดใหม่ๆ หรือ 7 วันแรกคุณแม่ควรเลี่ยงแผลไม่ให้โดนน้ำ โดยการใช้พลาสเตอร์ปิดแผลกันน้ำ เพื่อลดการเปียกชื้น
3.เลี่ยงการใส่กางเกงแน่นเกินไป
คุณแม่หลังผ่าคลอด ควรเลี่ยงการใส่กางเกงหรือเสื้อผ้าที่รัดแน่นท้องมากเกินไป เพื่อที่จะไม่ไปกดทับ รอยแผลผ่าคลอด จนทำให้เกิดเป็นรอยหรืออักเสบขึ้นมา
4.ทาครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
เมื่อแผลแห้งคุณแม่สามารถทาครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์และวิตามินอีที่ แผลผ่าคลอด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและเพื่อให้ผิวสามารถยืดหยุ่นได้สูง การทาครีมที่มีวิตามินอีจะช่วยลดรอยแผลเป็นได้ สำหรับคุณแม่ที่ยังให้นมลูกอยู่ไม่ต้องกังวล เพราะการทาครีมจะไม่ส่งผลต่อน้ำนม และการทายาก็เป็นการใช้ยาภายนอกเท่านั้น ไม่เหมือนกับยากินที่มีการกระจายแทรกซึมทั่วร่างกาย
5.ทานอาการที่มีโปรตีนสูง
ถึงแม้จะมีหลายข้อห้ามว่าคุณแม่ผ่าคลอดห้ามทานไข่เพราะจะยิ่งทำให้เกิดแผลเป็น แต่ทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถทานได้ และการทานอาหารจำพวกโปรตีนจะยิ่งซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอนั่นก็คือ รอยแผลผ่าคลอด นั่นเอง
การดูแลรอยแผลจากการผ่าคลอดนั้นสำคัญมาก เพราะหากดูแลไม่ดีเสี่ยงที่จะอักเสบ ติดเชื้อได้ และหากแผลมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ก็จะยิ่งทำให้แผลมีโอกาสเป็นแผลเป็นมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นควรดูและ รอยแผลผ่าคลอด ให้ดีพยายามเลี่ยงไม่ให้โดนน้ำ รับประทานอาหารจำพวกโปรตีน และที่สำคัญถ้าไม่อยากมีรอยแผลเป็นก็ต้องทาครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอีด้วยจะช่วยให้รอยแผลจากการผ่าคลอดดูจางลงจนแทบจะมองไม่เห็นรอยนั่นเอง
= = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่