คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่กำลังวางแผนการคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าตัดทางหน้าท้อง อาจจะมีความกังวลใจว่าบาดแผลผ่าตัดคลอดที่เป็นรอยนูนจะแก้ไขให้หายได้เร็วหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้แผลผ่าคลอดนูนและวิธีทำให้แผลยุบลงเร็วขึ้นมาบอกกันแล้ว โดยต้องทำอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

สาเหตุที่ทำให้แผลผ่าคลอดนูน

หลังจากผ่าตัดคลอดลูกแล้ว ในระยะเวลา 30-60 วันแผลผ่าตัดของคุณแม่มักจะเป็นรอยนูน ในแม่บางรายอาจจะมีสภาพแผลเป็นไตแข็งด้วยก็ได้ โดยสามารถแยกสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดได้ดังนี้

1.สภาพผิว

ในคุณแม่ที่มีผิวคล้ำและผิวสีอย่างคนเอเชีย จะเกิดรอยแผลนูนที่เห็นได้ชัดกว่าคุณแม่ที่มีผิวขาว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติจากสภาพผิวของคุณแม่อยู่แล้ว

2.อายุของแม่

คุณแม่อายุน้อยจะทำให้มีโอกาสเกิดรอยแผลนูนหลังผ่าคลอดลูกได้มากกว่าคุณแม่ที่อายุมาก เนื่องจากคุณแม่อายุน้อยสภาพผิวมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมีการดึงโปรตีนไปสร้างพังผืดในส่วนที่สึกหรอได้มากกว่า ซึ่งเป็นกลไกของร่างกายที่ใช้โปรตีนมาซ่อมสร้างบาดแผล จึงมักจะพบว่าคุณแม่ที่มีอายุน้อยจะมีแผลผ่าตัดคลอดที่นูนได้ง่าย และมีระยะเวลาในการยุบตัวนานกว่าด้วย

3.แผลลึกหรือกว้างมาก

บาดแผลผ่าตัดที่เป็นบริเวณกว้าง หรือแผลลึก อาจมีส่วนทำให้รอยนูนเกิดขึ้นมากได้และระยะเวลาการหายช้ากว่าปกติได้

4.การเคลื่อนไหวที่กระทบต่อแผล

หากคุณแม่ที่ผ่าคลอดมีการเคลื่อนไหวร่างกาย หรือทำกิจกรรมอื่นใดที่อาจทำให้แผลมีการตึงรั้ง ก็จะทำให้ร่างกายเกิดการกระตุ้นให้มีการสร้างคอนลาเจลบริเวณผิวมากขึ้น จนกลายเป็นพังผืด ทำให้แผลนูนได้

6 วิธีทำให้แผลที่นูนขึ้นมายุบลง

เมื่อคุณแม่มีแผลนูนที่เกิดจากการผ่าคลอด คงต้องขวนขวายที่จะทราบว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้แผลที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิตที่ได้ให้กำเนิดลูกรักนี้ยุบลงได้ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสดีที่ทางการแพทย์ได้เตรียมพร้อมมอบสิ่งดี ๆ เหล่านี้ตอบแทนผู้เป็นคุณแม่ด้วยเทคนิคเหล่านี้ แต่ขอบอกว่าแต่ละเทคนิคก็มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปตามชิ้นงาน

1.ใช้ซิลิโคนเจล

หลังจากผ่าตัดคลอดลูกแล้ว แพทย์จะใช้ซิลิโคนเจลมาแปะบริเวณแผล เพื่อช่วยให้ฝีเย็บไม่ปริแยก และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยนูนบริเวณแผล ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเข้าจากต่างประเทศ

2.โพลียูรีเทน

Sponsored

การใช้แผ่นฟิล์มโพลี่ยูเรเทนในการปิดคลุมรอยแผลผ่าตัด ก่อนจะปิดทับด้วยผ้าพันแผลกันไม่ให้เกิดการเขยื้อนของแผ่นฟิล์ม

3.ใช้สารสกัดจากหัวหอม

เป็นครีมที่ใช้ลดรอยแผลเป็นชนิดแผลนูน ให้ยุบลงได้ โดยสารที่สกัดจากหัวหอมที่อยู่ในกลุ่ม Flavonoid  มีชื่อว่า Quercetin และ Kaempferol ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิว และยับยั้งไม่ให้เกิดการหลั่งสารไปโปรตีนไปเลี้ยงบริเวณบาดแผลจนทำให้เกิดแผลนูนขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยลดเส้นใยคอนลาเจลบริเวณแผล จึงทำให้รอยแผลเป็นนิ่มขึ้นได้

4.ใช้วิตามินอี

วิตามินอีที่อยู่ในส่วนผสมประเภทครีมคุณแม่สามารถนำมาบริเวณแผลหน้าท้องได้ ซึ่งสามารถข้อคำแนะนำจากเภสัชกรในการเลือกซื้อยี่ห้อที่ปลอดภัย ไม่อันตรายต่อการให้นมลูก

5.ทายาสเตียรอยด์

สารสเตียรอยด์กับการรักษาผิวหนังจะใช้ได้ผลดี ซึ่งอาจจะใช้ชนิดเจือจางที่ผสมอยู่ในรูปครีม สะดวกต่อการใช้

6.การฉีดสเตียรอยด์เข้าแผล

การฉีดสารสเตียร์รอยเข้าผิวบริเวณรอยนูน หรือที่รู้จักกันในชื่อฉีดคีลอยด์ เป็นวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว ได้ผลดีกว่าวิธีการอื่น ๆ

คำแนะนำดูแลแผลผ่าคลอด

หลังจากคลอดลูกแล้ว การดูแลแผลผ่าคลอดจึงมีความสำคัญมากอีกเช่นกัน เพราะหากดูแลไม่ดีพอก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่บาดแผล จนแผลอักเสบ หายช้า จนนำไปสู่การเป็นแผลนูนขึ้นมาได้ การดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธีทำได้ดังนี้

  1. หลังการผ่าตัดคลอด เมื่อออกมาห้องพักฟื้นแล้ว ควรลุกขึ้นเดินทันทีตามแพทย์แนะนำ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้เกิดการเคลื่อนไหว ป้องกันเลือดอุดตันที่ขา ช่วยลดการเกิดพังผืดในช่วงท้อง โดยเฉพาะท่อนำไข่ ช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหว และที่สำคัญจะช่วยลดการ หดเกร็งตึงรั้งของผิวและแผลบริเวณหน้าท้องได้
  2. ควรทำความสะอาดร่างกาย และอาบน้ำจากฝักบัว หลีกเลี่ยงการลงแช่ในอ่างน้ำ เพื่อป้องกันการอับชิ้นจนทำให้แผลมีการติดเชื้อได้
  3. ใช้สบู่อ่อนๆ หรือเจลอาบน้ำ หลีกเลี่ยงการขัดถูบริเวณแผล หลังอาบน้ำแล้วให้ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง
  4. สวมใส่เสื้อผ้า ชุดชั้นในที่ที่ไม่รัดบริเวณแผล
  5. ใช้ผ้าพยุงหน้าท้อง เพื่อช่วยประคองไม่ให้หน้าท้องมากดทับบริเวณแผลจนเกิดมีตุ่มแผลพุพองได้
  6. ห้ามยกของหนักในช่วง 6 เดือนหลังคลอด เพื่อป้องกันแผลฉีกขาด

การดูแลผิวที่เป็นรอยนูนจากการคลอดลูกให้หายหรือลดลงได้จริง แต่จะให้ผลช้าหรือเร็วก็มีปัจจัยอื่น ๆสนับสนุนด้วยเช่นกัน  แต่ถึงอย่างไรแล้วก็สามารถหายดีได้ในระยะเวลา6-10 เดือน ทั้งนี้คุณแม่ควรเอาใจใส่ด้านอื่น ๆ ด้วย เช่นการกินอาหารให้สมดุล ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะกลุ่มโปรตีนจากไข่และถั่วต่าง ๆ หากกินเพียงพอจะช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ลูกไม่กินข้าว เกิดจากอะไร และวิธีการรับมือ
2.เพราะอะไร ลูกมักอาเจียนหลังดื่มนม และเป็นอันตรายไหม