อาหารพัฒนาสมอง เรื่องโภชนาการของเด็ก 1 – 3 ขวบ สำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาการทางร่างกายและสมอง รวมถึงสติปัญญาของลูก แม่ ๆ อย่างเราย่อมมีความต้องการให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี เติบโตแข็งแรงสมวัยอย่างเต็มศักยภาพ ในสามขวบปีแรก นับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของชีวิตลูกเลยก็ว่าได้ คุณแม่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ การที่ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน และในปริมาณที่เหมาะสม ย่อมดีต่อลูกน้อยทั้งสิ้น ดังนั้นเราจึงขอแนะนำอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงสมองและดีต่อสุขภาพของลูกน้อย มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้าง ตามนี้เลยค่ะ

อาหารพัฒนาสมอง

สารอาหารในกลุ่มพัฒนาสมอง มีดังนี้

  • เหล็ก ซึ่งแน่นอนว่า เหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบิน ที่มีหน้าที่ขนส่งถ่ายออกซิเจนไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงสมอง โดยผ่านกระแสเลือด หากลูกน้อยได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอในแต่ละวัน อาจทำให้มีอาการเหนื่อย หอบ ไม่มีสมาธิ และอาจส่งผลต่อสติปัญญาด้านความจำ ทั้งนี้ ร่างกายจะดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชน้อยกว่าจากเนื้อสัตว์ คุณแม่ควรเพิ่มผลไม้สด ๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
  • ไอโอดีน สำคัญต่อการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน จำเป็นอย่างมากต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และสมอง หากขาดอาจจะส่งผลต่อระดับสติปัญญาของลูกน้อยได้ แหล่งอาหารที่พบไอโอดีนมาก ได้แก่ อาหารทะเล และสาหร่ายทะเล
  • กลุ่มวิตามิน B (B1, B2, B6) มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต เพื่อเป็นพลังงานในการทำงานของสมอง วิตามิน B12 และโฟเลต มีส่วนช่วยในการสร้างเยื่อหุ้มเส้นใยประสาท เพื่อให้สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สำหรับต่อการส่งถ่ายข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท นอกจากนี้ยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

อาหารมีมากมายในธรรมชาติ ที่เป็นแหล่งของสารอาหารพัฒนาสมอง หลักการทานอาหารให้ลูกน้อยฉลาด และมีสุขภาพดีจึงทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่คุณแม่ต้องเป็นผู้จัดอาหารให้ลูกได้รับประทานอย่างครบถ้วน เพียงพอ ไม่ขาดและไม่เกิน อันนี้สำคัญนะคะ เพราะเด็กในเมืองที่ถูกคุณแม่ตามใจเสียจนอ้วน หรือเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมามากมาย หากเป็นเช่นนี้แล้ว ลูกน้อยของเราจะเอาสมาธิ หรือแรงกำลังจากที่ไหน ไปฝึกฝน เพื่อพัฒนาความสามารถและพัฒนาการด้านอื่น ๆ ของตัวเองได้ ดังนั้นคุณแม่จำต้องเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้ลูก ๆ ที่คุณรักมีความสามารถและฉลาด

เคล็ดลับการทานอาหารเพิ่มความฉลาดแบบง่าย ๆ

  • ทานปลาเพิ่มความฉลาด

เนื้อปลา เป็นแหล่งรวมไขมันที่มีคุณภาพสูง อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาสำลี และปลาช่อน คุณแม่ควรให้ลูกทานเนื้อปลาเหล่านี้ เป็นประจำทุกวัน เพราะนอกจากการทานปลาจะย่อยได้ง่ายแล้ว ในเนื้อปลายังมีโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันดี จำเป็นต่อสมอง และเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบประสาท ลูกน้อยจะได้รับโปรตีนคุณภาพสูง เหล็ก และสังกะสี ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเสริมสร้างเซลล์สมองให้แข็งแรง

  • อาหารเช้า มื้อสำคัญที่ไม่ควรลืม

เด็กอายุ 1 ถึง 3 ขวบ จำเป็นต้องได้รับพลังงานจากอาหาร เพื่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะพลังงานจากอาหารมื้อเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาแรก ๆ ของการทำงาน ซึ่งสมองต้องการพลังงานสูงในการทำงาน มื้อเช้าจึงเป็นมื้อสำคัญสำหรับเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้ คุณแม่ควรเตรียมเมนูอาหารง่าย ๆ อย่างเช่น ข้าวต้นแบบไทย ๆ หรือชุดอาหารเช้าแบบฝรั่ง อย่างเช่น คอนแฟล็กซ์ หรือขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก เสริฟพร้อมนมสักแก้ว เท่านี้ ก็จะช่วยให้ลูกมีพลังงานสูงมากพอในการทำงานของสมองแล้วล่ะคะ

การเสริมสร้างและบำรุงสมองเด็กให้ดีควบถ้วน จะส่งผลให้ลูกน้อยของคุณประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งในเรื่องการงานและสุขภาพที่ดี ที่สำคัญคือช่วงอายุ 1 – 3 ขวบ อาหารสำหรับบำรุงสมองของเด็กสามารถจำแนกได้ตามอาหารหลัก 5 หมู่ดังนี้ค่ะ

1.ประเภทโปรตีน

สมองของลูกน้อยจำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนไทโรซีน ที่ช่วยให้สมองตื่นตัว กระฉับกระเฉงและมีพลัง กรดอะมิโนทริปโตแฟน จะช่วยให้สมองผ่อนคลาย และมีอารมณ์ดี สารอาหารโปรตีนจะช่วยให้การทำงานของสารสื่อประสาทในสมองลูกทำงานดีขึ้นค่ะ

2.ประเภทแป้งและน้ำตาล

ระดับน้ำตาลในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงจากการที่ร่างกายได้รับแป้งและน้ำตาล หากลูกน้อยของคุณได้รับแป้งและน้ำตาลมากเกินไป จะส่งผลต่อการทำงานของสมอง สมาธิในการเรียนรู้สั้น และความจำไม่ดีได้ค่ะ

3.ประเภทไขมัน

Sponsored

องค์ประกอบหลักในสมองคือ ไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่เป็นโครงสร้างสำคัญในจอประสาทตาและสมอง หากลูกน้อยได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 จะทำให้ทำให้สมองสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ สามารถรับการกระตุ้นให้ความจำเพิ่มขึ้น แต่หากลูกขาดกรดไขมันตัวนี้ จะทำให้สมองทำงานช้า สมองเล็กและไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นอีกด้วย

4.ประเภทผักแลผลไม้

ผลไม้และผักอุดมไปด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อเซลล์สมองมากมาย ทำให้สมองทำงานได้ดี ผักมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ เพราะกากใยของผักและผลไม้ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างสมบูรณ์

5.ประเภทวิตามินและเกลือแร่

วิตามิน B1, B2, B3, B5, B6 และ B12 โคลีน กรดโฟลิค แมงกานีส แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียม ซึ่งสารอาหารแต่ละชนิดจะมีประโยชน์ต่างกัน อย่างเช่น วิตามิน B1, B2 มีส่วนช่วยในการเร่งการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน วิตามิน B3 ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท วิตามิน B5 ช่วยถ่ายทอด รับ-ส่งสัญญาประสาท วิตามิน B6 ช่วยผลิตสารเคมีของสมอง และวิตามิน 12 ช่วยเพิ่มความจำ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และบำรุงเนื้อเยื่อประสาท สำหรับโคลีน กรดโฟลิก และแมกานีส มีส่วนสำคัญต่อระบบประสาท และสมอง ส่วนแมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียมล้วนแต่ช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทและสมอง

เมื่อลูกน้อยวัย 1 – 3 ขวบของคุณได้รับสารอาหารต่าง ๆ เหล่านี้อย่างครบถ้วนแล้ว คุณแม่อย่าลืมเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านอารมณ์ โดยการสร้างพฤติกรรมเชิงบวก และสร้างสรรค์ ให้ลูกน้อยได้ออกกำลังกาย หัวเราะบ่อย ๆ และให้อารมณ์ดีอยู่เสมอ สอนให้ลูกรู้จักการมีน้ำใจ รู้จักการให้อภัยและแบ่งปัน สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมให้ทั้งสุขภาพร่างกายของลูกแข็งแรง และมีสติปัญญาที่สมบูรณ์

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ฝากครรภ์ ทำไมต้องตรวจปัสสาวะทุกครั้ง เรามีคำตอบ

2.ฝากครรภ์ช้า แม่รู้ไหม ส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด