คุณแม่หลายท่านอาจมองข้ามในเรื่องปัญหาฟันผุเพียงเพราะคิดว่าไม่ใช่โรคติดต่อ แต่คุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการเป่าอาหาร กัด เคี้ยว หรือแม้แต่จูบลูก มีโอกาสทำให้ลูกน้อยฟันผุได้ เนื่องจากได้รับเชื้อแบคทีเรียมาจากผู้ใหญ่ที่ฟันผุ หรือมีแบคทีเรียอยู่ ซึ่งหลายครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ แต่คนรอบข้างหรือผู้ดูแลไม่เข้าใจ อย่างเช่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือพี่เลี้ยง ซึ่งคุณจะต้องทำการอธิบายให้พวกเขาเหล่านั้นได้เข้าใจด้วยว่าเพราะอะไร หรือสาเหตุอะไรที่เขาไม่ควรเป่าอาหาร กัด หรือชิมช้อนเดียวกันก่อนป้อนลูกรัก ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของลูกนั่นเอง

เป่าอาหารให้ลูกกิน ทำลูกฟันผุได้ เพราะอะไร

ก่อนที่คุณแม่จะป้อนอาหารให้แก่ลูกรักนั้น แน่นอนว่าคุณเป็นห่วง หรือต้องการทดสอบว่าอาหารนั้นร้อนเกินไปหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาปากพองด้วยอาหารที่ร้อนจนเกินไป ดังนั้นเมื่ออาหารมีความร้อนก็จะใช้การเป่าเป็นตัวช่วยในการลดอุณหภูมิเหล่านั้นให้เย็นก่อนที่จะนำไปป้อนลูก คุณรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลเสียทำให้ลูกรักฟันผุได้

ลูกน้อยที่ฟันเพิ่งจะขึ้นกับปัญหาฟันผุนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ซึ่งการที่คุณพ่อคุณแม่ หรือคนใกล้ชิดเป่าอาหารให้ลูกกินนั้นก็เป็นอีกสาเหตุหลักที่ต้องระวัง จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียที่เข้าไปทำให้ฟันผุนั้นเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่อยู่ในช่องปากของคุณแม่ แน่นอนว่าหากคุณพ่อคุณแม่มีฟันผุอยู่เป่าอาหารให้ลูกน้อยกิน แบคทีเรียก็จะถูกส่งต่อไปยังช่องปากลูกน้อยผ่านทางอาหารได้เอง

ข้อห้ามในการป้อนอาหารลูก

นอกจากการเป่าแล้ว ก็ยังมีข้อห้ามอื่นๆ ในการป้อนอาหารลูกอีกด้วย มาดูสิว่ามีอะไรบ้าง

  1. ในการป้อนอาหารคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเป่าอาหารให้แก่ลูกน้อยทาน หากอาหารที่จะป้อนร้อนเกินไปแนะนำให้ทิ้งไว้ให้เย็นลงเอง แล้วค่อยทดสอบอุณหภมิด้วยวิธีการสัมผัสที่หลังมือจะดีกว่าการที่คุณชิมอาหารของลูกน้อย
  2. พี่เลี้ยง หรือคุณแม่ไม่ควรใช้ช้อนเดียวกันกับลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการชิมหรือทานให้ลูกน้อยดูเป็นตัวอย่าง
  3. หากอาหาร หรือผลไม้มีชิ้นใหญ่ แนะนำให้คุณแม่หันหรือตัดให้ลูกน้อยกินพอดีคำ ไม่ควรกัดหรือเคี้ยวก่อนที่จะนำป้อนสู่ปากลูกน้อย
  4. หากคุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้ป้อนอาหารให้กับลูกน้อยเอง ให้คุณเน้นย้ำเรื่องนี้แก่พี่เลี้ยงหรือผู้เลี้ยงดูให้มากๆ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากของลูกน้อย

คำแนะนำการดูแลช่องปากของคุณแม่

มาดูคำแนะนำเพิ่มเติม กับการดูแลช่องปากของคุณแม่กันเลยดีกว่า

Sponsored
  1. คุณแม่จะต้องทำการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือตอนเช้า และก่อนเข้านอน โดยการแปรงฟันอย่างทั่วถึง บริเวณเหงือก ด้านใน ด้านนอก และลิ้น เพื่อขจัดแบคทีเรียและลดกลิ่นปาก
  2. ใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันด้วย โดยการใส่ไหมตามซอกฟันเบาๆ เพื่อทำความสะอาดร่องเหงือก ระวังอย่าให้ไหมโดนเหงือกนะคะ อาจก่อให้เกิดการอักเสบตามมาได้
  3. กินอาหารถูกสัดส่วน และจำกัดอาหารระหว่างมื้อที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ฟันผุ
  4. เพื่อสุขภาพฟันที่ดียิ่งขึ้นแนะนำให้เลือกใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมขอมฟลูออไรด์
  5. หมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันให้แข็งแรงทุกๆ 6 เดือน

คำแนะนำการดูแลช่องปากของลูกน้อย

สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย ก็ทำได้ดังนี้

  1. คุณแม่สอนให้ลูกน้อยรู้จักการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟัน
  2. เมื่อลูกโตพอที่จะใช้ยาสีฟัน จะต้องเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
  3. สำหรับลูกน้อยที่มีอายุไม่ถึง 8 ขวบต้องการแปรงฟันเอง คุณแม่สามารถอนุญาติให้แปรงเองได้แต่คุณต้องแปรงซ้ำอีกครั้งเพื่อความสะอาด
  4. หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยว การทานขนมขบเคี้ยวบ่อยๆเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ ปัญหาฟันผุอีกสาเหตุหนึ่งคือคุณแม่ปล่อยให้มีน้ำตาลตกค้างในช่องปากลูกน้อยเป็นเวลานาน ซึ่งแบคทีเรียที่อยู่บนฟันก็จะกินเศษอาหารเหล่านั้นแล้วปล่อยกรดออกมาทำลายผิวฟัน หากลูกน้อยมีพฤติกรรมกินอาหารอยู่ตลอดเวลาการชะล้างกรดที่ถูกปล่อยออกมานั้นมากเกินกว่าที่จะชะล้างได้
  5. พาลูกน้อยไปหาคุณหมอฟันเมื่อมีอายุครบ 1 ขวบเพื่อที่ทันตแพทย์จะได้ตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อไม่ให้ลูกน้อยมีฟันผุ
  6. ลูกน้อยมีการจัดฟันตั้งแต่เด็ก การดูแลรักษาย่อมต้องใส่ใจและเพิ่มเป็น 2 เท่า จะเห็นได้เลยว่าทุกวันนี้เด็กมีการจัดฟันมากขึ้น เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ในช่วงที่ฟันแท้กำลังงอก อายุประมาณ 6 ขวบ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของช่องปาก ซึ่งการจัดฟันในช่วงนี้จัดเป็นช่วงที่เหมาะสม จากการประเมินพบว่าเป็นช่วงที่ขากรรไกรกำลังเจริญเติบโตได้ดีนั่นเองค่ะ แต่ทั้งนี้คุณแม่และตัวน้องเองจะต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดและการดูแลรักษาให้มากกว่าเดิมด้วยการเลือกใช้แปรงสีฟันหรือยาสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะนะคะ

ปัญหาเรื่องสุขภาพฟันของลูกน้อยเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด คุณแม่เองจะต้องสังเกตุ และใส่ใจในจุดนี้เป็นอย่างมากเพื่อที่ลูกน้อยจะได้ปลอดภัยกับภาวะฟันผุ อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะทานแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกและฟันด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ลูกไม่กินข้าว เกิดจากอะไร และวิธีการรับมือ
2.เพราะอะไร ลูกมักอาเจียนหลังดื่มนม และเป็นอันตรายไหม