ผดผื่นในทารกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความอับชื้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม โรคภูมิแพ้ ซึ่งทารกมีผิวที่บอบบางจึงทำให้เกิดผดผื่นได้ง่าย และวิธีการรักษาผดผื่นในทารกก็แตกต่างกัน โดยการใช้แป้งแก้ผดผื่นทารก ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่ามีแป้งยี่ห้อไหนบ้างที่สามารถลดอาการผดผื่นได้
ชนิดของผดผื่นและการดูแลรักษา
เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ทารกเกิดผดผื่นนั้นแตกต่างกันออกไป และผดผื่นที่เกิดนั้นก็มีหลากหลายแบบ ดังนั้นการดูแลรักษาจึงแตกต่างกันด้วย ดังนี้
1.ผดผื่นที่เกิดจากต่อมเหงื่อ
ผดผื่นชนิดนี้ มักเกิดในช่วงหน้าร้อน ซึ่งต่อมเหงื่อของทารกยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เกิดการอุดตัน และกลายเป็นผดผื่นในที่สุด ดังนั้นคุณแม่ควรดูแลลูก โดยอาบน้ำให้ลูกบ่อยๆ ใส่เสื้อผ้าบางเบาและระบายได้ดี รวมทั้งให้ลูกอยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพราะถ้าปล่อยให้เหงื่อออกมาก จะยิ่งทำให้ผดผื่นขึ้นได้ง่าย
ถ้าคุณแม่ปล่อยให้ผิวของลูกน้อยต้องสัมผัสกับผ้าอ้อมที่ชื้นแฉะอยู่ตลอดเวลา ก็ย่อมส่งผลทำให้ลูกน้อยเกิดผดผื่น ซึ่งผื่นชนิดนี้มักเกิดขึ้นบริเวณก้น โคนขา และอวัยวะเพศ และถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ลูกติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อนได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อยทุก 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าลูกอุจจาระควรเปลี่ยนทันที พร้อมทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง
3.ผื่นจากภูมิแพ้ผิวหนัง
เด็กในช่วงขวบปีแรก ยังมีผิวที่บอบบาง เมื่อไปสัมผัสกับสิ่งใดจึงมักเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย รวมทั้งอาจเกิดจากกรรมพันธ์ที่พ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง จึงทำให้ถ่ายทอดมายังลูก ดังนั้นการดูแลไม่ให้เกิดผดผื่น คือพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ลูกแพ้ นอกจากนี้ควรสังเกตอาหาร หรือนมที่ทำให้ลูกแพ้ด้วย
4.ผื่นจากความอับชื้นและการเสียดสี
ผื่นชนิดนี้พบได้บ่อย มักเกิดขึ้นบริเวณข้อพับ และตามซอกต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเป็นแล้วจะมีการอักเสบแดง และเกิดผดผื่นขึ้นได้ และถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจลุกลามจนเป็นเชื้อรา ดังนั้นหลังจากอาบน้ำ คุณแม่ควรซับตัวลูกให้แห้ง แล้วทาแป้งเด็กบางๆ ตามบริเวณข้อพับของทารก ซึ่งจะช่วยลดความอับชื้นและการเสียดสีจากเสื้อผ้าได้
แป้งแก้ผดผื่นทารก ดีอย่างไร
การแก้ผดผื่นในทารก มีหลายวิธีทั้งการอาบน้ำ พาทารกอยู่ในที่เย็นๆ สวมเสื้อผ้าที่เบาสบาย และอีกวิธีหนึ่งคือการใช้แป้งแก้ผดผื่นทารก ซึ่งมีข้อดีหลายประการดังต่อไปนี้
1. ช่วยลดความอับชื้น เพราะแป้งช่วยดูดซับความเปียกชื้น ทำให้ผิวของลูกแห้งสนิท
2. ช่วยให้ผิวลูกนุ่มชุ่มชื่น เพราะส่วนผสมที่มีในแป้ง ช่วยให้ผิวลูกเนียนนุ่ม ไม่แห้งตึง จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองและผดผื่น
3. มีกลิ่นหอม เนื้อแป้งมีกลิ่นหอมละมุน ส่งกลิ่นหอมไปทั้งวัน
5 ยี่ห้อแป้งแก้ผดผื่นทารกที่ดีที่สุด
เมื่อคุณแม่กำลังมองหาแป้งแก้ผดผื่นทารก เราขอแนะนำแป้งเด็ก 5 ยี่ห้อที่ใช้ดีที่สุดในขณะนี้
1.ReisCare Rice Baby Powder Extra Mild
แป้งแก้ผดผื่นทารกยอดนิยม ที่ผลิตจากแป้งข้าวเจ้า สามารถช่วยป้องกันความอับชื้น จึงมั่นใจได้ว่าจะป้องกันผดผื่น และยังผ่านกระบวนการทดสอบไฮโป-อัลเลอร์เจนิก จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังปราศจากส่วนผสมของแป้งทัลคัม ไม่ทำให้เกิดการสะสมในปอดและใต้ร่มผ้า
2.Kodomo Baby Powder Gentle Soft
ยี่ห้อ Kodomo เป็นที่ยอมรับในกลุ่มแม่ๆ เพราะมีผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กออกมาหลายตัว รวมทั้งแป้งแก้ผดผื่นทารก ซึ่งสกัดจากข้าวโอ๊ต เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับผิวทารกที่บอบบาง ช่วยทำให้ผิวลูกนุ่มชุ่มชื่นเป็นพิเศษ จึงช่วยลดความอับชื้น ที่เป็นสาเหตุให้เกิดผดผื่น นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมละมุน เนื้อแป้งเนียนละเอียด ไม่ทำให้ผิวลูกน้อยเกิดอาการระคายเคือง
3.Srichand New Born Powder
แป้งศรีจันทร์ มีส่วนผสมที่สำคัญคือ น้ำผึ้งบริสุทธิ์และน้ำนมอัลมอนด์ที่อุดมไปด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ จึงคงความชุ่มชื่นของผิว ช่วยปกป้องผิวของลูกน้อยจากความอับชื้น และผดผื่นได้เป็นอย่างดี และยังเป็นแป้งแก้ผดผื่นทารกที่สามารถใช้ได้กับทารกตั้งแต่แรกเกิดอีกด้วย
4.Enfant Natural Baby Powder
แป้งเด็กสูตรธรรมชาติจากข้าวโพด มีส่วนผสมที่สำคัญหลายตัว เช่น Argan Oil ที่ช่วยถนอมผิว Chamomile ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ส่วน Zinc Oxide และ Allantoin ช่วยป้องกันความเปียกชื้น ที่เป็นสาเหตุของการเกิดผดผื่น นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย
5.D-Nee Cornstarch Baby Powder
แป้งแก้ผดผื่นทารกที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กวัยแรกเกิดจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ ผลิตจากแป้งข้าวโพด นอกจากนี้ยังมาพร้อม Ceramide Allantoin และ trehalose ช่วยทำให้ผิวลูกแข็งแรง นุ่มนวล จึงช่วยลดความอับชื้น ทำให้ลูกสบายตัว และลดการเกิดผดผื่นได้
ผดผื่นที่เกิดในทารก ก่อให้เกิดความไม่สบายตัว ดังนั้น เมื่อมีผดผื่นขึ้น คุณแม่ควรรีบรักษา เช่นใช้แป้งแก้ผดผื่นทารกแต่ในกรณีที่คุณแม่ปล่อยไว้นานเกินไป หรืออาการผดผื่นไม่ดีขึ้น ควรพาลูกน้อยไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่