การจะให้อาหารลูกน้อย สิ่งที่คุณแม่ต้องคำนึงถึงก็คืออาหารอะไรบ้างที่ลูกกินได้และกินไม่ได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กนั้นจะมีอาหารหลายอย่างที่ไม่ควรกิน เพราะด้วยระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ จึงอาจทำให้ลูก เกิดการแพ้ได้นั่นเอง โดยวันนี้เราก็ได้รวบรวม 7 อาหารเด็กเล็กไม่ควรกินมาบอกกันด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า
รวม 7 อาหารเด็กเล็กไม่ควรกิน
อาหารเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารธรรมดาที่เด็กทั่วไปกินได้ แต่สำหรับเด็กเล็กวัยต่ำกว่า 2 ขวบอาจจะให้โทษทำให้เจ็บป่วยขั้นรุนแรงจนเสียชีวิตได้เลยทีเดียว โดยมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน
1.น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งสำหรับผู้ใหญ่จัดว่ามีประโยชน์เนื่องจากมีสารที่เป็นตัวยาสำคัญในการรักษาโรคได้หลายชนิด ทั้งยังช่วยแก้อาการท้องผูก บรรเทาอาการไอเจ็บคอ ซึ่งใช้กันมาแต่โบราณแล้ว แต่สำหรับเด็กวัยต่ำกว่า 2 ขวบน้ำผึ้งถือว่าเป็นอาหารต้องห้ามที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้ เพราะในน้ำผึ้ง ซึ่งเกิดจากการที่ผึ้งไปดูดเกสรดอกไม้มาไว้ในตัวเองแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำผึ้งสะสมไว้อาจจะทำให้มีเชื้อแบคทีเรียบางชนิดปนเปื้อน รวมถึงละอองเกสรของดอกไม้ชนิดต่างๆ หากนำมาให้เด็กกินอาจจะทำให้เด็กเกิดอาการแพ้จากเกสรดอกไม้ และมีปัญหาในระบบลำไส้ได้นั่นเอง
2.อาหารที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
โรคภูมิแพ้ในเด็กที่ปัจจุบันนี้พบเห็นได้บ่อยมาก ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยที่มากระตุ้นจากอาหารตั้งแต่ที่ทารกอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอดออกมา ซึ่งเด็กจะมีโอกาสได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากอาหารเด็กเล็กหลายอย่าง เช่น นมวัว ถั่วลิสง อัลมอนด์ แป้งข้าวสาลีที่อยู่ในขนมปังต่างๆ รวมถึงอาหารทะเล โดยล้วนแต่มีสารที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีประวัติว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นภูมิแพ้มาก่อนด้วยแล้ว จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ดังนั้นควรเลี่ยงอาหารทารกเหล่านี้เด็ดขาด
3.ช็อกโกแลต
ของหวานที่เด็กส่วนใหญ่ชอบเพราะมีรสชาติหวานมันอร่อย คือช็อกโกแลต เด็กส่วนใหญ่จะชอบกินแต่สำหรับเด็กเล็กวัยต่ำกว่า 2 ขวบยังไม่ควรให้กินช็อกโกแลต เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจากการได้รับสารคาเฟอีนในช็อกโกแลตได้ นอกจากนี้ในช็อกโกแลตบางชนิด ซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นนมวัว รวมถึงถั่วลิสง เมื่อเด็กกินเข้าไปก็อาจทำให้ไปกระตุ้นจนเกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน
4.อาหารที่เป็นเม็ดกลมๆ เล็กๆ
อาหารเด็กเล็กที่เป็นเม็ดกลมเล็กๆ เด็กจะชอบเพราะหยิบง่าย ถนัดมือเข้าปากสะดวก อาหารเหล่านี้ประกอบด้วย ป๊อปคอร์น องุ่น บลูเบอรี่ ถั่วรวมถึงขนมเจลลี่เม็ดเล็กๆ อาหารเหล่านี้เมื่อเข้าปากเด็กแล้วจะมีลักษณะเหนียว แข็ง ลื่น ง่ายต่อการหลุดลงไปในคอ และหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ทันระวังเมื่อเด็กอมเข้าไปในปากแล้ว อาจจะหลุดไปติดในหลอดลมจนทำให้ลูกหายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้ ดังที่เคยมีเป็นข่าวมาแล้วนั่นเอง
5.อาหารที่ปรุงไม่สุก
อาหารทารกที่ปรุงไม่สุก อย่างเช่น ไข่ต้มยางมะตูม ด้วยรสชาติที่อร่อย และกินกันจนชินจึงทำให้ไม่ทันระวัง หากนำไปป้อนให้เด็กจะทำให้เกิดอันตรายต่อระบบการย่อยของลูกได้ นอกจากนี้เนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ควรปรุงให้สุก รวมถึงผักก็ควรต้มให้สุกก่อนจะนำมาป้อนให้ลูก เพราะจะได้ฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในเนื้อสัตว์และผักให้หมดก่อนจะได้ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็ก
6.อาหารที่มีรสเค็มจัดและหวานจัด
คุณแม่ที่ทำอาหารเด็กเล็กให้ลูกกินในช่วงวัยต่ำกว่า 1 ปีไม่ควรใช้เกลือปรุงอาหารให้ลูก ควรต้มข้าว หมูและผักเท่านั้น ให้ได้รสชาติหวานตามธรรมชาติ ไม่ควรปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเด็กวัยนี้ไตยังไม่พร้อมที่จะกรองอาหารซึ่งมีรสเค็มออกไปได้ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกกินอาหารปรุงรส รวมถึงขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่มีรสเค็มนำ เพราะจะทำให้มีผลเสียต่อร่างกายของลูกได้นั่นเอง
ส่วนอาหารหวานจัดเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็จะชอบ โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี อาหารที่ปรุงไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาล ควรได้รสที่เป็นธรรมชาติของอาหารนั้นๆ จะดีกว่า เพราะจะฝึกให้ลูกรู้จักกินอาหารที่ไม่ปรุงแต่งรสเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ในวันข้างหน้า โดยเฉพาะโรคอ้วนและเบาหวานได้
7.อาหารปรุงแต่งหรือมีวัตถุเจือปนอาหาร
อาหารปรุงแต่งโดยส่วนใหญ่จะใช้วัตถุกันเสีย สีผสมอาหาร หรือผงปรุงรส รวมถึงเกลือและสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งวัตถุที่เจือปนอาหารนี้ หากเด็กได้รับมากเกินไปจะทำให้เด็กเกิดอาการไฮเปอร์ได้ นอกจากนี้ในเด็กบางรายก็อาจจะมีสมองผิดปกติ การเรียนรู้จะด้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน รวมถึงทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกกินอาหารปรุงแต่งก็ควรจะปรุงกินเอง จะได้ผ่านการใช้สารปรุงแต่งอาหารน้อยลง ลูกจะได้ประโยชน์จากอาหารเด็กเล็กชนิดนั้นอย่างเต็มที่ เช่น ทำลูกชิ้นกินเองจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ก็จะดีกว่าการซื้อมาให้ลูกกิน
อาหารเด็กเล็กทั้ง 7 อย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงนำมาให้ลูกกิน หากจะให้ลูกกินควรนำมาบดให้ละเอียดหรือหั่นชิ้นเล็กลง เช่น องุ่น บลูเบอรี่ และควรดูแลใกล้ชิดในระหว่างที่ลูกกินอาหารเหล่านี้ด้วย
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่