ก้นลูกเป็นผดผื่นบ่อย เป็นปัญหาที่มักจะพบได้มากที่สุดในเด็กทารก ซึ่งก็สร้างความกังวลให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่รู้ว่าผดผื่นที่ก้นของลูกนั้น เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และจะรักษาอย่างไรได้บ้าง โดยเราก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นผดผื่นในเด็กทารก และ 5 วิธีแก้ปัญหามาบอกต่อกันดังนี้

ก้นลูกเป็นผดผื่นบ่อย เกิดจากอะไร?

การที่ลูกเป็นผดผื่นที่ก้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย เพียงแต่จะทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและงอแงได้นั่นเอง โดยสาเหตุที่ทำให้ก้นลูกเป็นผดผื่นก็มีดังนี้

1.ผ้าอ้อมอับชื้น

เมื่อปล่อยให้ลูกฉี่จนเต็มโดยไม่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก จะทำให้ผ้าอ้อมเกิดความอับชื้น และส่งผลให้ก้นลูกเป็นผื่นในที่สุด นอกจากนี้การใส่ผ้าอ้อมหรือกางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป ก็ทำให้ก้นลูกเป็นผดผื่นได้เหมือนกัน

2.อากาศร้อน

ด้วยอากาศที่ร้อนจัด จึงทำให้ลูกมีเหงื่อออกมาก ประกอบกับการใส่ผ้าอ้อมหรือกางเกงที่มีความหนาและอึดอัดจนเกินไปด้วยแล้ว จึงก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นตัวการทำให้ก้นของลูกเกิดผดผื่นได้นั่นเอง

3.เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่

เมื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น น้ำยาซักผ้าเด็ก ทิชชู่เปียก สบู่อาบน้ำ หรือผ้าอ้อมยี่ห้อใหม่ อาจทำให้ผิวของลูกเกิดการระคายเคืองได้ จนเกิดเป็นผดผื่นขึ้นมา ซึ่งก็ต้องสังเกตให้ดี หากพบว่าลูกแพ้ผลิตภัณฑ์ใด ก็ไม่ควรนำผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นกลับมาใช้อีกอย่างเด็ดขาด

5 วิธีแก้ปัญหา เมื่อลูกเป็นผดผื่นที่ก้นบ่อย

ได้ทราบถึงสาเหตุของการเป็นผดผื่นที่ก้นของลูกกันไปแล้ว ทีนี้มาดูกันสิว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อบรรเทาอาการผดผื่นของลูก และป้องกันไม่ให้ลูกเป็นผดผื่นที่ก้นบ่อยนั่นเอง โดยมี 5 วิธีการแก้ปัญหาดังนี้

1.เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ

ไม่ต้องรอให้ผ้าอ้อมเต็มหรือหมักหมมนานเกินไป แม้ว่าจะเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ตาม เพราะอาจก่อให้เกิดความชื้นจนทำให้ผิวลูกเป็นผดผื่นได้ ทั้งนี้หากพบว่าผ้าอ้อมลูกมีฉี่พอประมาณแล้ว ก็ให้รีบเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ แต่กรณีที่เป็นอุจจาระ ให้เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีทุกครั้ง แม้จะมีอึเพียงเล็กน้อยก็ตาม

2.เช็ดก้นลูกให้แห้งก่อนใส่ผ้าอ้อมเสมอ

ก่อนใส่ผ้าอ้อมทุกครั้ง ควรเช็ดก้นลูกให้แห้งสนิทก่อน เพื่อป้องกันการเกิดความอับชื้นจนทำให้เกิดเป็นผื่นขึ้นมา โดยให้เช็ดก้นลูกกับผ้าขนหนูที่มีความนุ่มและซึมซับได้ดี เพราะจะมีความอ่อนโยนต่อผิวของลูกมากกว่า และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอีกด้วย นอกจากนี้ก็ควรทาแป้งทุกครั้งก่อนใส่ผ้าอ้อม โดยเลือกเป็นแป้งสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งหากมีส่วนช่วยในการป้องกันความชื้นด้วยก็จะดีมาก

Sponsored

3.ทำความสะอาดก้นที่เป็นผื่นด้วยน้ำต้มสุก

ในระหว่างที่ก้นของลูกเป็นผื่น ควรทำความสะอาดก้นของลูกด้วยน้ำต้มสุกเท่านั้น เพื่อให้ผดผื่นยุบลงเร็วขึ้น และป้องกันการติดเชื้อจากเชื้อโรคที่มากับน้ำ ที่สำคัญไม่ควรใช้สบู่อย่างเด็ดขาด เพราะนั่นอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้นกว่าเดิมได้ ส่วนกรณีที่ใช้ทิชชู่เปียก ก็ควรเลือกทิชชู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะจะทำให้ผิวลูกมีโอกาสเกิดการแพ้ได้สูง

4.ทาครีมรักษาผดผื่นสำหรับเด็ก

การทาครีมรักษาผดผื่น จะช่วยลดผดผื่นที่ก้นของลูกน้อยได้เร็วขึ้น แต่จะต้องเลือกใช้ครีมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ทั้งนี้หากไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัช เพื่อให้ได้ครีมทารักษาผดผื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อลูกจะดีกว่า

5.พาลูกไปพบแพทย์

ในกรณีที่ผื่นขึ้นเยอะมาก และดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อจะได้ตรวจดูถึงสาเหตุอย่างละเอียด และทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี ทั้งนี้ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด เพราะผดผื่นที่เกิดขึ้น อาจมีการติดเชื้อจนทำให้อาการรุนแรงกว่าเดิมนั่นเอง

เมื่อลูกเป็นผดผื่นที่ก้นบ่อย นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว ก็ต้องรักษาที่ต้นเหตุด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผดผื่นซ้ำนั่นเอง เช่น หากลูกเป็นผดผื่นเพราะแพ้น้ำยาซักผ้าเด็ก ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำยาซักผ้ายี่ห้ออื่น หรือหากเป็นเพราะการใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไป ก็ต้องเปลี่ยนให้ลูกใส่กางเกงที่พอดี ไม่รัดแน่นแทน หากทำได้ดังนี้ อาการผดผื่นที่ก้นลูกก็จะไม่มากวนใจอย่างแน่นอน

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ลูกตายคาท้อง เพราะพยาบาลไม่ใส่ใจ แม่สลด!! ร้องขอความเป็นธรรม

2.เตือนภัย!! ลูกเกือบตาย เพราะอันตรายใกล้ตัวที่คุณแม่ไม่ทันคาดคิด