เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ยังเป็นมือใหม่หลายท่านอาจเกิดอาการตกใจไม่น้อยหากพบว่าลูกมีอาการหายใจแรงมีเสียงดังครืดคราด ทั้งที่ไม่ได้มีอาการเป็นหวัดแต่อย่างใด และอาจกังวลว่าอาการดังกล่าวจะเป็นอันตรายกับลูกมากแค่ไหน การที่ ทารกหายใจแรง จะมีอาการแทรกซ้อนหรือผิดปกติหรือไม่ วันนี้เรามีวิธีสังเกตการหายใจของลูกพร้อมกับหาสาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจแรงดังครืดคราดมาฝาก หากพร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
ทารกหายใจแรงผิดปกติไหม
โดยปกติแล้วเด็กทารกจะมีการหายใจเป็นจังหวะแบบสม่ำเสมอคือหายใจเร็วและลึก หรือจะหายใจช้าและตื้น ซึ่งก็อาจจะทำให้มีอาการหายใจแรงและ ทารกหายใจครืดคราด ไปบ้างในระหว่างที่กำลังนอนหลับสนิท เนื่องจากว่าเด็กทารกแรกเกิดนั้นช่องลมของเด็กยังมีขนาดที่เล็กอยู่ หลอดลมที่อยู่ด้านหน้ากระดูกอ่อนที่เป็นโครงสร้างของหลอดลมยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ จึงทำให้มาขวางอากาศที่เด็กหายใจเข้าไป ทำให้หายใจได้น้อยและไม่เต็มที่ ส่งผลให้เด็กนอนกรน หรือ ทารกหายใจแรง ดังครืดคราดจนได้ยินเสียงดังออกมา แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจ หากลูกสามารถนอนหลับสนิทได้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะอาการหายใจแบบนี้ของเด็กทารกยังถือว่าปกติดีอยู่ และจะหายไปเองเมื่อช่องอากาศหรือหลอดลมที่เด็กหายใจขยายใหญ่ขึ้น และจะทำให้เด็กหายใจดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้ทารกหายใจแรง
โดยปกติแล้ว ทารกหายใจแรง และเร็วกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากร่างกายของเด็กทารกต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น จนบางครั้งทำให้เกิดอาการหายใจเร็วและแรง โดยสาเหตุที่ทำให้เด็กหายใจเร็วนั้นมาจากหลายสาเหตุดังนี้
1.ภาวะหายใจลำบากชั่วขณะ
ภาวะหายใจลำบากชั่วขณะนี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กทารกแรกเกิด เพราะในช่วยแรกเกิดทารกจะมีการขับของเสียออกจากปอดหลังคลอด แต่สำหรับเด็กทารกที่มีภาวะหายใจลำบากชั่วขณะนั้นจะขับของเสียออกจากปอดได้ไม่ดี ส่งผลทำให้ร่างกายรับออกซิเจนไม่เพียงพอ จนเกิดอาการหายใจเร็ว เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพิ่มมากขึ้น
2.เมื่ออารมณ์เสีย
ทารกหายใจครืดคราด หรือหายใจเร็วขึ้นเมื่ออารมณ์เสีย เกิดอาการโมโห หรือเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวร้องไห้ โดยเด็กทารกจะหายใจเร็วมากกว่าเดิมจาก 60 ครั้งต่อนาที ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอันตรายใดๆ ตราบใดที่เด็กทารกกลับมาหายใจเป็นปกติเมื่ออารมณ์ดีขึ้น
3.เมื่ออยู่ในที่อากาศร้อนเกินไป
เมื่ออุณหภูมิในร่างกายของเด็กทารกนั้นร้อนมากเกินไป จะทำให้ ทารกหายใจเร็ว ขึ้นเหมือนอาการคล้ายๆ จะเป็นหอบ และหากความร้อนสูงเกินไปถือเป็นเรื่องอันตรายมาก อาจจะทำให้ทารกเกิดภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน
4.ทารกที่มีปัญหาระบบหายใจตั้งแต่เกิด
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็ก ทารกหายใจเร็ว หรือมีอาการหายใจเร็วบ่อยๆ นั้นเกิดจากระบบทางเดินหายใจของเด็กเอง เด็กที่มีปัญหาทางเดินหายใจตั้งแต่แรกเกิดส่วนใหญ่จะพยายามหายใจเร็วขึ้นเพื่อรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายมากกว่าเดิม จนบางครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาหายใจลำบาก หายใจติดขัดได้
อาการแบบไหนอันตราย
คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการหายใจของลูกเสมอ ถึงแม้ว่าอาการ ทารกหายใจเร็ว จะไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของเด็ก และจะหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้นและหลอดช่องลมขยายตัวใหญ่ขึ้น แต่หากพบว่าลูกมีอาการหายใจผิดปกติดังต่อไปนี้ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสมและถูกวิธี
- ลูกมีอาการหายใจลำบาก หายใจติดขัดมีเสียงดังคล้ายๆ กับเสียงของนกหวีด หรือมีเสียงครืดคราดคล้ายๆ กับคัดจมูกหายใจไม่ออก
- เสียงแหลมสูง และมีอาการไอร่วมด้วย
- ลูกมีอัตราการหายใจมากกว่า 60 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป
- ระหว่างที่หายใจเข้าช่วงกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกจะหดตัวลึกมากกว่าปกติ หรือมีลักษณะคล้ายๆ กับชายโครงบุ๋มเข้า
- มีอาการปากซีด มือซีด หน้าซีดคล้ำ เพราะนี่คืออาการบ่งบอกว่าออกซิเจนในเลือดต่ำ
คุณแม่สังเกตการหายใจของลูกได้อย่างไร
การสังเกตอาการหายใจของลูกนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะในทารกที่หายใจครืดคราด เพราะเสียงและรูปแบบการหายใจของเด็กทารกนั้นสามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายบางอย่างได้ โดยคุณแม่สามารถสังเกตการหายใจของลูกได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ฟังเสียงหายใจของลูกในระหว่างที่ลูกนอนหลับ โดยคุณแม่เอาหูแนบไปกับจมูกหรือปากของลูกว่ามีเสียงหายใจเป็นอย่างไรมีความผิดปกติหรือไม่
- สังเกตการเคลื่อนไหวของหน้าอกหรือหน้าท้องของลูกเวลาที่ลูกหายใจ โดยใช้มือแนบไปกับหน้าท้องเบาๆ หากลูกมีการหายใจ 60 ครั้งต่อนาทีก็ยังถือว่าปกติดีอยู่ แต่ถ้าเลยแล้วถือว่าไม่ปกติ
อาการทารกหายใจเร็ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไรหากเด็กทารกยังคงสามารถหายใจได้ปกติและไม่มีอาการใดๆ ร่วมด้วย คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการหายใจของลูกน้อยอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าทารกมีอาการหายใจเร็วและคล้ายๆ หอบร่วมด้วย มีภาวะหน้าซีด ปากซีด มือซีด นั่นอาจจะเป็นอาการบ่งชี้ว่าออกซิเจนในเลือดต่ำ หากมีอาการดังกล่าวนี้ให้คุณแม่รีบพาลูกนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รักษาตามอาการอย่างถูกวิธีและเหมาะสม
= = = = = = = = = = =