ตามท้องตลาดในปัจจุบัน มียาแก้ท้องอืดวางขายอยู่หลากหลายชนิดและหลายยี่ห้อ แต่เพื่อความปลอดภัย คุณแม่ควรเลือกยาให้เหมาะสมตามช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กเล็กนั้นจะมียาแก้ท้องอืดชนิดไหนบ้าง และมีข้อบ่งใช้อย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาบอกให้คุณแม่ได้รู้กันแล้ว

ลูกท้องอืด เกิดจากอะไร

อาการท้องอืดมักพบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กลืนลมขณะดูดนม การดูดจุกหลอก การกินผสม หรือร้องไห้มากไป ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นได้ จากการเรอบ่อยๆ ท้องป่อง ท้องแข็ง แอ่นตัว ร้องไห้งอแง ดังนั้นคุณแม่คงต้องหาตัวช่วยเพื่อบรรเทาอาการท้องอืดให้ลูกน้อย

ยาแก้ท้องอืดที่ใช้ในเด็กเล็ก

ยาแก้ท้องอืดที่คุณแม่นิยมนำมาใช้กับลูกเล็ก จะมี 3 ชนิดดังต่อไปนี้

1.ยามหาหิงคุ์

ยามหาหิงคุ์ คือชันน้ำมัน หรือยางที่ได้จากรากหรือลำต้นของพืชชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองอมน้ำตาล ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของยานี้ ตามท้องตลาดยามหาหิงส์ มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบน้ำ และแบบลูกกลิ้ง

สรรพคุณ

ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ ปวดท้อง ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร

วิธีใช้

1. หลังอาบน้ำเช้าเย็น ให้นำยามหาหิงคุ์ แบบลูกกลิ้ง มากลิ้งให้ทั่วท้อง บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า เพื่อช่วยป้องกันอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

2. สำหรับการใช้ยามหาหิงคุ์ แบบน้ำ ให้ใช้สำลีชุบและทาที่บริเวณหน้าท้อง ฝ่ามือ และฝ่าเท้า วันละ2-3 ครั้งหลังอาบน้ำเช้าเย็น

ข้อควรระวัง

1. ทายาในที่ที่มีอากาศโล่ง โปร่ง ถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้แอลกอฮอล์ระเหยออกไปได้ง่าย

2. ยามหาหิงคุ์ เป็นยาที่มีสีน้ำตาล อาจทำให้เสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนได้ ดังนั้นเมื่อทาแล้ว ควรปล่อยให้ยาแห้งก่อน ค่อยสวมใส่เสื้อผ้าให้ลูก

3. มหาหิงคุ์เป็นยาใช้ภายนอกเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรนำมารับประทาน และควรวางให้พ้นมือเด็ก ไม่วางร่วมกับยากินทั่วไป เพื่อป้องกันการหยิบยาไปใช้ผิด

4. ระวังการทายา ไม่ให้โดนตา หรือโดนเนื้อเยื่ออื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแผลหรือมีรอยถลอก

5. ระวังการแพ้ยา โดยสามารถสังเกตอาการแพ้ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เช่นมีผื่นแดง ลอกเป็นขุย

6. ก่อนหยิบยาไปใช้ ควรสำรวจวันหมดอายุ เนื่องจากยาที่ถูกเก็บไว้นาน จะเสื่อมสภาพและออกฤทธิ์ได้ไม่ดี จึงทำให้การรักษาไม่ได้ผล

การเก็บรักษา

1. เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง หรือที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียล

2. เก็บยาให้พ้นจากแสงแดด

3. ปิดฝาให้สนิทหลังการใช้งาน เพื่อป้องกันการระเหยของยา

4. ในกรณีที่ยังไม่เปิดขวด ยาชนิดน้ำมีอายุ 3ปี และยาจะมีอายุเพียง 30วัน หลังเปิดใช้งานแล้ว ดังนั้นถ้าใช้ไม่หมด ไม่ควรเก็บไว้ ให้ทิ้งไป

2.ไกร๊ปวอเตอร์

ไกร๊ปวอเตอร์ มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ กลิ่นจางๆ สามารถนำมาใช้บรรเทาอาการท้องอืดในเด็กทารกได้เป็นอย่างดี

สรรพคุณ

ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นยาที่สามารถช่วยแก้อาการโคลิคในเด็กแรกเกิดได้อีกด้วย

วิธีใช้

รับประทานได้ครั้งละ 2.5-10 มิลลิลิตร ตามที่แพทย์สั่ง โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กเล็ก และเมื่อลูกมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถนำมาผสมกับอาหารเสริมได้

ข้อควรระวัง

ยาไกร๊ปวอเตอร์สามารถทานได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด แต่ไม่ควรเกินวันละ 6 ครั้ง และมีข้อห้ามทานสำหรับเด็กที่ไตมีปัญหา รวมทั้งเด็กที่แพ้สารประเภทไฮดรอกชีเบนโซเอท และสารอื่นๆ ที่ประกอบอยู่ในตัวยานี้

การเก็บรักษา

Sponsored

1. เก็บยาไว้ในภาชนะบรรจุเดิม ไม่ควรเทยาออกเพื่อไปบรรจุในภาชนะใหม่

2. เมื่อเปิดฝาแล้ว ยาจะมีอายุไม่เกิน 30วัน

3. ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังการใช้งาน

4. เก็บรักษายาไว้ในที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 30องศาเซลเซียล และไม่ให้โดนแดด

5. ไม่เก็บยาไว้ในที่อับชื้น

6. เก็บยาให้พ้นมือเด็ก

3.Air – x drops (Simethicone )

เป็นยาแก้ท้องอืดอีกหนึ่งชนิด ที่นำมาใช้กับเด็กทารกได้

สรรพคุณ

ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้มากเกินไป ซึ่ง Air-x drop มีตัวยาไซเมทิโคนที่จะทำหน้าที่ระบายแก๊สที่เกิดขึ้น ให้ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อดีขึ้น

วิธีใช้

1. รับประทานยาตามแพทย์สั่ง โดยปริมาณที่ทานนั้น แพทย์จะดูที่น้ำหนักตัวของเด็กเป็นหลัก

2. ทานวันละ 4 ครั้งหลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน

ข้อควรระวัง

1. 1.เนื่องจากตัวยาไม่ถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารเข้าสู่กระแสเลือดในร่างกาย แต่จะถูกขับออกมากับอุจจาระ จึงเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย

2. 2.ห้ามใช้ยากับผู้ที่แพ้ยาไซเมทิโคน

3. ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว

การเก็บรักษา

1. เก็บยาให้พ้นแสง ไม่เก็บในที่มีอุณหภูมิเกิน 30 องศาเซลเซียล เช่นรถยนต์ หรือเก็บไว้ใกล้หน้าต่างที่แสงแดดส่องถึง

2. ไม่เก็บยาไว้ในที่เปียกชื้น เช่นห้องน้ำ

3. เก็บยาให้พ้นมือเด็ก

4. เก็บยาในภาชนะเดิมที่บรรจุมา

5. ปิดยาให้สนิท

การเลือกใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านฉลากให้เข้าใจก่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่มีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยของตัวลูกน้อย

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ตั้งครรภ์น้ำหนักลด ในช่วงไตรมาสแรก ผิดปกติหรือไม่

2.รีวิว 7 แอพคนท้อง ที่คุณแม่ควรมี เพื่อการตั้งครรภ์คุณภาพ