เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนต้องอยากรู้ว่า การเติบโตของลูกในครรภ์ เป็นอย่างไร มีความปกติหรือไม่ แต่ติดที่ว่าไม่รู้จะตรวจเช็คด้วยวิธีไหนได้บ้าง วันนี้เราจึงจะพาคุณแม่ไปทำความเข้าใจกันว่า มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เรารู้ว่าลูกน้อยในครรภ์เติบโตอย่างเหมาะสมและมีน้ำหนักตรงตามเกณฑ์หรือเปล่า ซึ่งก็สามารถตรวจเช็คได้หลากหลายวิธีดังนี้

การตรวจเช็ค การเติบโตของลูกในครรภ์

มาดูกันค่ะว่าการตรวจเช็คการเติบโตของลูกในครรภ์ สามารถทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเราก็ได้รวบรวมวิธีการตรวจเช็คที่นิยมใช้กันมากที่สุดมาบอกต่อกันดังนี้

1.ตรวจการดิ้นของลูก

การดิ้นของลูกบ่งบอกได้ว่าลูกน้อยมีการเติบโตที่สมบูรณ์และแข็งแรงมากแค่ไหน โดยหากลูกดิ้นบ่อยและดิ้นเป็นปกติ คือมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน ก็มั่นใจได้เลยว่าลูกมีการเติบโตอย่างเหมาะสมแน่นอน แต่หากพบว่าลูกดิ้นน้อยมากจนผิดปกติ โดยเฉพาะหากดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งใน 4 ชั่วโมง หรือหยุดดิ้นไปนานกว่า 12 ชั่วโมง เพราะลูกอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในครรภ์ได้นั่นเอง

2.การตรวจเซลล์ของทารกในครรภ์

เป็นการตรวจเพื่อดูความผิดปกติของลูกน้อยในครรภ์ โดยการตรวจแบบนี้จะทำให้รู้ได้ว่าลูกกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางพันธุกรรมหรือไม่ ทั้งนี้การนำเซลล์ของลูกมาตรวจสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การตัดเนื้อรกมาตรวจ การเจาะดูดน้ำคร่ำ และการเจาะดูดเลือดของทารกโดยตรง แต่จะต้องทำโดยทางการแพทย์เท่านั้น

3.การวัดยอดมดลูก

การวัดยอดมดลูก จะทำให้ทราบขนาดตัวของลูก และนำมาเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานได้ ว่าลูกมีขนาดตัวที่ตรงตามเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งก็จะบอกได้ถึงการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ของลูกน้อยด้วยเช่นกัน เพราะการที่ลูกมีขนาดตัวได้มาตรฐาน ย่อมหมายถึงลูกมีการเติบโตที่ดีด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การไปฝากครรภ์ทุกครั้ง แพทย์ก็จะทำการวัดยอดมดลูกทุกครั้งอยู่แล้ว

4.ตรวจการเต้นของหัวใจทารก

การตรวจการเต้นของหัวใจทารก นอกจากจะบอกได้ว่าทารกมีความปกติดีแล้ว ยังบอกได้ถึงการเจริญเติบโตที่ดีของลูกน้อยอีกด้วย โดยเทียบจากหลักการที่ว่า ลูกน้อยจะมีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นเมื่อมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งปกติแพทย์จะตรวจการเต้นหัวใจทารกตั้งแต่เริ่มฝากครรภ์ และนำมาเปรียบเทียบกันทุกครั้ง เพื่อประเมินการเติบโตของทารกและเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์อีกด้วย

Sponsored

5.การอัลตร้าซาวด์

การอัลตร้าซาวด์ จะทำให้มองเห็นโครงสร้างของทารกในครรภ์ แม้จะไม่ชัดเจนมาก แต่ก็สามารถบอกได้ว่าลูกน้อยมีความปกติหรือไม่ และหากลูกมีความพิการตั้งแต่กำเนิด ก็ยังทราบได้จากการอัลตร้าซาวด์อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันการอัลตร้าซาวด์ก็มีหลายแบบทั้งแบบ 2 มิติ 3 มิติ ไปจนถึง 4 มิติ โดยค่าใช้จ่ายในการตรวจก็จะแพงขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้หากต้องการตรวจอัลตร้าซาวด์แบบไหน ก็สามารถแจ้งกับทางโรงพยาบาลได้เลย

6.ดูจากขนาดหน้าท้องของคุณแม่

ขนาดหน้าท้องของคุณแม่ตามช่วงอายุครรภ์ ก็สามารถบอกได้ว่าลูกมีขนาดตัวเล็ก ตัวใหญ่ หรือพอดีตามเกณฑ์หรือไม่ รวมถึงน้ำหนักตัวของคุณแม่ที่เพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับขนาดของหน้าท้อง ก็บ่งชี้ได้ถึงการเจริญเติบโตที่สมวัยของลูกได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหน้าท้องที่ใหญ่ของคุณแม่บางคนอาจไม่ใช่เพราะลูกมีขนาดตัวโตเสมอไป ซึ่งนั่นอาจเกิดจากภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ก็ได้

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็ลองมาเช็คกันดู ว่าลูกน้อยในครรภ์มีการเติบโตอย่างเหมาะสมหรือไม่ และไม่ควรพลาดการอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจเช็คความเสี่ยงพิการของลูกน้อยเด็ดขาด ทั้งนี้หากพบว่าลูกมีการเติบโตที่ช้ากว่าวัย ก็ควรรีบแก้ไขด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อเพิ่มน้ำหนักและกระตุ้นการเติบโตของลูกโดยด่วน

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด ควรเลือกแบบสายผูก หรือแบบกระดุมดีกว่ากัน

2.เสื้อผ้าเด็ก อันตราย ไม่ควรให้ทารกใส่ชุดแบบนี้