ภาวะ น้ำคร่ำอุดหลอดเลือด อาจเป็นภาวะที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักเท่าไรนัก และไม่ค่อยพบได้บ่อยเท่าไรในผู้ป่วยที่มีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว ก็มีความอันตรายระดับสูงมาก เพราะอาจถึงขั้นทำให้คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์สามารถเสียชีวิตได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ในประเทศไทยก็พึ่งจะพบคุณแม่ที่เกิดภาวะนี้ขึ้น แล้วเสียชีวิตพร้อมกับทารกในครรภ์ไปในที่สุด ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภาวะนี้ไม่สามารถพบได้บ่อย และไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ จึงอาจทำให้ไม่สามารถช่วยชีวิตคุณแม่ได้เร็วเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นจึงควรทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น เพราะถ้าหากนำตัวคุณแม่ส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ก็ยังมีโอกาสในการรอดชีวิตทั้งแม่และลูกสูง
น้ำคร่ำอุดหลอดเลือด คืออะไร ?
ภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด (Amniotic fluid embolism) จัดเป็นภาวะฉุกเฉินอย่างหนึ่งทางสูติกรรมที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ เกิดขึ้นจากการที่น้ำคร่ำ หรือชิ้นส่วนอวัยวะของทารก หลุดเข้าไปในกระแสเลือดแล้วเกิดการอุดตันที่เส้นเลือดและปอด จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในระบบไหลเวียนโลหิต เป็นเหตุให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ระบบหายใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ รวมถึงทำให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัว เป็นเหตุให้คุณแม่เสียชีวิตได้ในที่สุด การเกิดภาวะนี้ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า และยังไม่มีการค้นพบสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากความผิดปกติใดของร่างกาย เพียงแต่คาดเดาว่าเกิดจากความผิดปกติบางอย่างจากตัวของคุณแม่ จึงทำให้เกิดความผิดปกตินี้ขึ้นมา มีการบันทึกทางสถิติไว้ว่า ในผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ 100,000 คน สามารถพบผู้ที่เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือดได้มากที่สุดถึง 12 คน
อาการอย่างไร บ่งบอกว่าเป็นภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การเกิดภาวะนี้ถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินที่มีความอันตรายสูงมาก เมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นแล้ว ก็จะเกิดความผิดปกติขึ้นอย่างรวดเร็ว และแทบจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที สามารถพบได้มากที่สุดในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงเจ็บครรภ์ใกล้คลอด แต่ก็อาจจะพบได้บ้าง ในช่วงผ่าตัดคลอด และการขูดมดลูกในกรณีที่เกิดภาวะแท้งบุตรขึ้น
อาการเริ่มต้นที่สามารถสังเกตได้คือ จะรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก แน่นหน้าอกอย่างรุนแรง ชัก แล้วเปลี่ยนเป็นตัวเขียวคล้ำเนื่องจากขาดอากาศหายใจ และในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ความดันโลหิตก็จะค่อย ๆ ต่ำลงและเสียชีวิตได้ในที่สุด แต่ถ้าหากว่าแพทย์สามารถทำการรักษาได้ทัน ด้วยการใส่เครื่องช่วยหายใจ อาการก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง คือมีเลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมาก เพราะเลือดเริ่มมีการแข็งตัวแล้ว ในส่วนนี้แพทย์จะต้องดำเนินการให้เลือดทนแทนในเวลาเร่งด่วนที่สุด เพราะถ้าหากช้าไปสักวินาที อาจพบว่ามีเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากยิ่งขึ้น และจะทำให้เสียชีวิตในที่สุด
ใครบ้างที่มีโอกาสเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด
เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ จึงทำให้ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือดได้ในอัตราความเสี่ยงที่เท่ากันทั้งหมด แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า อาจจะพบได้มากในผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้
- มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
- เคยผ่านการมีบุตรมาแล้วหลายคน
- เคยได้รับอุบัติเหตุจนต้องมีการผ่าตัดบริเวณช่วงท้องมาแล้ว
- มีปัญหาเรื่องรกเกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
- เคยเกิดภาวะแท้งบุตร จนเป็นเหตุให้ได้รับการขูดมดลูกเพื่อเอาเนื้อเยื่อออกให้หมด
ถึงแม้ว่าแพทย์จะสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่ก็อาจจะมีผลกระทบหลาย ๆ อย่างตามมา เช่น หากขาดออกซิเจนนานเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะเจ้าหญิงนิทราขึ้น แต่ถ้าหากไตขาดเลือดเป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพชีวิตไปตลอดจนหมดอายุขัย และอาจไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง ในส่วนของทารกนั้น ถ้าไม่ขาดออกซิเจนก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าขาดออกซิเจนเป็นเวลานานก็อาจทำให้มีปัญหาเรื่องพัฒนาการ จนถึงขั้ยเกิดภาวะแท้งบุตร
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..
1.ลูกไม่กินข้าว เกิดจากอะไร และวิธีการรับมือ
2.เพราะอะไร ลูกมักอาเจียนหลังดื่มนม และเป็นอันตรายไหม