ในปัจจุบันภาวะโลหิตจางพบมากในเด็กทั่วโลก รวมทั้งเด็กไทย โดยสาเหตุนั้นเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งถ้าคุณแม่พบว่าลูกน้อยดูซีด เหนื่อยง่าย ไม่มีสมาธิ กินข้าวได้น้อย ไม่ค่อยโต อาจมีสาเหตุมาจากภาวะซีด ดังนั้นคุณแม่จึงควรใส่ใจโภชนาการอาหารของเด็กๆ ในแต่ละวัย ซึ่งวันนี้เราได้คัดสรรมเมนู อาหารเสริมธาตุเหล็ก มาฝากคุณแม่กันค่ะ
อาหารเสริมธาตุเหล็ก สำคัญต่อลูกน้อยยังไง
ธาตุเหล็กนั้นมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย โดยธาตุเหล็กมีหน้าที่ผลิตเม็ดเลือดแดง ที่คอยนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ลูกน้อยมีเรี่ยวแรงทำกิจกรรมต่างๆ และยังช่วยเสริมระบบภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ช่วยให้ลูกไม่เจ็บป่วยง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ธาตุเหล็กก็ยังช่วยให้ระบบประสาทและสมองทำงานเป็นปกติ ทำให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น โดยการขาดธาตุเหล็กจะส่งผลทำให้เกิดโรคโลหิตจาง เด็กมีการเจริญเติบโตช้า ระบบประสาททำงานผิดปกติ ดังนั้นคุณแม่จะละเลยปล่อยให้ลูกขาดธาตุเหล็กไม่ได้เลย
แนะนำ 8 อาหารเสริมธาตุเหล็กสำหรับลูกน้อย
เพื่อป้องกันลูกน้อยจากโรคโลหิตจาง และพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย คุณแม่จำเป็นต้องเลือกอาหารที่มีธาตุเหล็ก ดังต่อไปนี้
1.เนื้อสัตว์ต่างๆ
เนื้อสัตว์ต่างๆ ได้แก่ เนื้อหมู ไก่ วัว ตามปกติแล้ว ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากการกินเนื้อสัตว์ได้ดีกว่าการกินพืช ดังนั้นเมื่อกินพืชที่มีธาตุเหล็ก ควรกินอาหารอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นเนื้อสัตว์ซึ่งให้โปรตีน รวมทั้งการกินอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะม่วง มะเขือเทศ ผักบร็อกโคลี และพริก โดยอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยให้อัตราการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกายเร็วขึ้น
2.เครื่องในสัตว์
เครื่องในสัตว์อาหารเสริมธาตุเหล็กที่ทำให้เด็กกินได้ง่ายๆ เช่น ตับ นับเป็นเมนูยอดนิยมที่คุณแม่หลายคนทำให้ลูกกินตั้งแต่มื้อแรกๆ กันเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างธาตุเหล็กนั่นเอง แม้กระทั่งเด็กวัยเรียนที่ต้องใช้พลังกายและพลังสมองในการเรียน คุณแม่ก็ควรเสริมเมนูตับอยู่เสมอ โดยการนำไปทำเป็นเมนูต่างๆ เช่น ตับผัดดอกกุ้ยช่าย ตับทอดกระเทียม ขนมปังตับบด โจ๊กใส่ตับ ส่วนเครื่องในอื่นๆ ที่แนะนำก็เช่น เลือดหมู ซึ่งเมนูง่ายๆ ที่ทำให้ลูกกินเพื่อเสริมธาตุเหล็ก เช่น ต้มเลือดหมู เป็นต้น
3.อาหารทะเล
อาหารทะเล โดยเฉพาะปลาทะเลที่มีไขมันสูงก็มีธาตุเหล็กสูงด้วยเช่นกัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล และปลาแอนโชวี่ รวมทั้งหอยต่างๆ ก็มีธาตุเหล็กสูง เช่น หอยกาบ หอยแมลงภู่ เป็นต้น ซึ่งแนะนำให้กินอาหารเสริมธาตุเหล็กเหล่านี้ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยป้องกันการเป็นโรคโลหิตจางได้
4.ไข่
ไข่เป็นอาหารเสริมธาตุเหล็กที่กินง่าย ทำได้หลากหลายเมนู และที่สำคัญคือมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย รวมทั้งธาตุเหล็ก โดยคุณแม่ควรให้เด็กๆ ได้กินไข่วันละ 1 ฟอง ส่วนเมนูไข่ที่แนะนำ ได้แก่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ตุ๋น ไข่ลูกเขย เป็นต้น
5.ผักใบเขียว
ผักใบเขียวโดยเฉพาะใบสีเขียวเข้มนั้นจะมีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักโขม คะน้า บร็อคโคลี่ ปวยเล้ง ผักบุ้ง และยิ่งคุณแม่ให้ลูกกินร่วมอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ และมะละกอ ก็จะยิ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น โดยคุณแม่อาจทำเป็นเมนูสลัดผักผลไม้รวมกัน ทำให้อาหารดูมีสีสันดึงดูดให้เด็กๆ อยากกิน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีอาหารบางชนิดที่คุณแม่ไม่ควรให้ลูกกินพร้อมกับผักใบเขียวเหล่านี้ เช่น นม และชีส เพราะแคลเซียมในนมนั้น จะไปขัดขวางและยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กได้
6.ธัญพืช
ธัญพืชหลากหลาย สามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ ให้ลูกกินได้ นอกจากจะได้เมนูเพิ่มขึ้น มีรสชาติที่แปลกใหม่ทำให้ลูกไม่เบื่อแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหารจากธัญพืชเหล่านี้ รวมทั้งธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ ซึ่งธัญพืชที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วเขียว เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ พิชตาชิโอ เฮเซลนัท อินทผลัม เป็นต้น ส่วนเมนูแนะนำ เข่น โยเกิร์ตธัญพืช ขนมปังธัญพืช
7.ผลไม้อบแห้ง
ผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกพีช ลูกพรุน ลูกเกด นับว่าเป็นแหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กอยู่สูง โดยคุณแม่สามารถนำมาใส่ในอาหาร ทำเป็นอาหารมื้อเช้าที่แสนง่ายดาย แต่ให้คุณประโยชน์สูงสุด เช่น ผสมลูกพรุน ลูกพีช ลูกเกดลงในข้าวโอ๊ตหรือซีเรียล หรือนำมากินเป็นอาหารว่างหลังมื้ออาหารก็ได้ แค่นี้ก็ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเกิดภาวะซีดได้แล้ว ซึ่งผลไม้อบแห้งนี้ โดยเฉพาะลูกพีชแห้งนั้น มีปริมาณของธาตุเหล็กอยู่ถึง 6 มก. ต่อ 100 กรัมเลยทีเดียว
8.บีทรูท
บีทรูทอาหารเสริมธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้ โดยในบีทรูทเองนั้น ยังมีทองแดงที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้มากขึ้น ซึ่งคุณแม่สามารถหาซื้อบีทรูทแบบออร์แกนิคได้ตามซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำ และนำมาคั้นสดเป็นน้ำผักผลไม้ไว้ให้ลูกดื่มในยามเช้า เพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือนำไปอบกินร่วมกับผักชนิดอื่น เช่นทำเป็นผักสลัดรวมมิตรก็ได้
เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่เหมาะสมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ คุณแม่ควรจัดโภชนาการที่หลากหลาย และให้ครบทั้ง 5 หมู่ ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง อารมณ์ดี และปราศจากโรคภัยต่างๆ ได้
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่