เมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายก่อนการคลอด คุณแม่ควรต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็ต้องใส่ใจเรื่องอาหารบำรุงครรภ์ เพราะช่วงนี้พัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เพื่อให้ทารกมีความพร้อมที่จะคลอดมากที่สุด โดยมีพัฒนาการอย่างไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ

พัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน เป็นอย่างไร

ทารกในครรภ์ในขณะนี้เติบโตขึ้นมาก โดยมีลำตัวยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม พัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน ที่ควรส่งเสริมในช่วงนี้คือ การรับรู้รสชาติอาหารของทารก ซึ่งการกินอาหารที่หลากหลายของคุณแม่ จะส่งผลที่ดีต่อพัฒนาการของทารก นอกจากนี้พัฒนาการทารก 7 เดือนยังไวต่อสิ่งกระตุ้น และมีปฏิกิริยาต่างๆ เช่น ดูดนิ้ว หรือ จาม ซึ่งคุณแม่ควรหมั่นสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกอยู่เสมอ โดยถ้าคุณแม่พบว่าทารกดิ้นน้อยลง ควรไปพบแพทย์ในทันที และเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือน 7 อาจพบว่าทารกเริ่มหมุนตัว โดยเอาหัวลง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคลอดที่จะถึงในไม่ช้านี้นั่นเอง

อาหารบำรุงครรภ์ที่แนะนำ

คุณแม่ควรเลือกกินอาหารที่ได้คุณภาพและมีประโยชน์ เพื่อครรภ์ที่สมบูรณ์และพัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือนที่เป็นไปได้ดี โดยอาหารคนท้องที่แนะนำมีดังต่อไปนี้

1.โปรตีน

โปรตีนนั้นสามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ นอกจากเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ยังมีไข่ที่ให้โปรตีนสูง จึงแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์บริโภคไข่วันละฟอง โดยเฉพาะในช่วงใกล้คลอด เพื่อป้องกันภาวะซีดที่พบได้บ่อยในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั่นเอง

2.คาร์โบไฮเดรต

ในไตรมาสที่ 3 คุณแม่ต้องระวังความเสี่ยงที่จะเป็นโรคแทรกซ้อน ดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อย่าง เช่น ถั่ว มัน โฮลวีท โฮลเกรน ผักใบเขียว พาสต้าโฮลวีท และซีเรียล ที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคเหล่านี้ได้ โดยแนะนำให้เลือกกินแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เพราะดีต่อสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการทารก 7 เดือนมากกว่า นอกจากนี้การได้รับคาร์โบไฮเดรตอย่างเพียงพอ จะช่วยให้คุณแม่มีพลังงานเพียงพอในช่วงใกล้คลอดอีกด้วย

3.วิตามินเอ

สารอาหารที่สำคัญอีกตัวหนึ่งในช่วงครรภ์ 7 เดือนที่คุณแม่ไม่ควรพลาด ก็คือวิตามินเอ เพราะมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบสืบพันธุ์ของทารกในครรภ์ ทำให้ พัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน มีความสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งวิตามินเอนั้น พบได้ในอาหารเหล่านี้ ตำลึง ผักกาดขาว แตงกว่า ฟักทอง มะละกอ มะเขือเทศ เป็นต้น

4.โอเมก้า 3

ช่วงนี้ทารกในครรภ์ลืมตาได้มากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือน ด้านการมองเห็นและประสาทตาของทารกในครรภ์ ด้วยการเลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยโอโมก้า 3 โดยพบมากในอาหารเหล่านี้ เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ปลาแซลมอน ปลาทู เมล็ดฟักทอง

5.ธาตุเหล็ก

ร่างกายต้องใช้เลือดเป็นจำนวนมาก ในช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังเจริญเติบโต ซึ่งธาตุเหล็กเป็นสารอาหารอีกหนึ่งตัวที่สำคัญ เพราะธาตุเหล็กช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงได้เป็นอย่างดี คุณแม่จึงควรเลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น สัตว์เนื้อแดง ธัญพืชต่างๆ และเมล็ดถั่ว ก็จะช่วยป้องกันภาวะซีดในช่วงใกล้คลอดได้ แต่ในขณะเดียวกัน การบริโภคธาตุเหล็กมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นคุณแม่ควรทานอาหารให้หลากหลาย และให้ครบหมวดหมู่จะดีกว่า

คำแนะนำสำหรับคนท้อง 7 เดือน

เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ ดังนั้นนอกจากการให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารการกินแล้ว การเตรียมความพร้อมในด้านอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นเราจึงมีคำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 7 เดือนมาฝากกันดังต่อไปนี้

1.เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์

ในระหว่างงตั้งครรภ์ คุณแม่ควรรู้จักการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ด้วย โดยทารกวัย 7 เดือน มักจะขยับตัวประมาณ 10 ครั้งใน 2 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณแม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ให้ลองนั่งพักสักครู่ แล้วดื่มน้ำเย็น อาจนวดให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ได้  และถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น คุณแม่ควรไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกครั้ง

2.สังเกตอาการผิดปกติ

Sponsored

ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาวะครรภ์เป็นพิษที่มักมีอาการแสดงต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน  ปวดศีรษะอย่างรุนแรง สายตาพร่ามัว แขนขาบวม เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณแม่มีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

3.รู้จักอาการเจ็บท้องเตือน

อาการเจ็บท้องเตือนนั้น เกิดจากมดลูกมีการบีบรัดตัว ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงเข้าสู่ไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์ โดยอาการเจ็บท้องเตือนจะแตกต่างกับการเจ็บท้องจริง ซึ่งทำให้เกิดการคลอดลูกก่อนกำหนดได้ ดังนั้นคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการเหล่านี้ไว้ด้วย

4.เข้าร่วมชมรมหรือหลักสูตรเกี่ยวกับว่าที่คุณแม่

คุณแม่อาจมีความวิตกถึงอาการต่างๆ ตลอดการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงใกล้คลอด ดังนั้นการเข้าร่วมหลักสูตร เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นคุณแม่ รวมทั้งการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆกับว่าที่คุณแม่ด้วยกัน จะช่วยลดความกังวลใจเหล่านี้ลงได้

5.วางแผนการคลอด

การคลอดมีหลายวิธี ซึ่งคุณแม่จำเป็นต้องศึกษาว่า วิธีการคลอดแบบไหนเหมาะสมกับคุณแม่มากกว่ากัน ทั้งข้อดีข้อเสียของการคลอดแบบต่างๆ รวมทั้งการดูแลตนเองหลังคลอด โดยคุณแม่อาจขอคำปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลคุณแม่อยู่ด้วย เพื่อจะได้เลือกวิธีการคลอดที่ดีที่สุด

เมื่อเข้าสู่ช่วงท้อง 7 เดือน การกินอาหารที่เป็นประโยชน์ มีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะคลอดกำหนด รวมทั้งอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงใกล้คลอด จึงจำเป็นที่คุณแม่ต้องดูแลร่างกายเป็นพิเศษ นอกจากนี้ถ้าพบความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที เพื่อการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยและพัฒนาการทารกในครรภ์ 7 เดือนที่ดีนั่นเอง

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่ https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about growing up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ตั้งครรภ์ท้องอืด ปัญหาที่แม่ท้องมักจะต้องเจอบ่อยๆ

2.การตั้งครรภ์ กับการดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ที่ไม่ควรมองข้าม