นอกจากร่างกายของคุณแม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น พัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือนก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดังนั้นมาดูกันสิว่า ทารกในครรภ์ช่วง 6 เดือนนี้มีพัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อคุณแม่จะได้ดูแลครรภ์อย่างถูกต้อง ทั้งอาหารที่ช่วยบำรุงครรภ์ และการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมนั่นเอง

พัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน เป็นอย่างไร

การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ 6 เดือน มีขนาดความยาวประมาณ 30-35 เซนติเมตร หนัก 700-800กรัม เด็กเริ่มลืมตาได้ ผมและเล็บเท้าเริ่มงอก หน้าตาของทารกดูชัดเจนขึ้น ระบบประสาทก็เริ่มทำงาน แต่ปอดนั้นยังทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ทารกเริ่มได้ยินเสียงหัวใจของแม่ และคลื่นเสียงความถี่สูงต่างๆ อีกทั้งยังมีปฏิกิริยากับการได้ยินเสียงของพ่อแม่ด้วย ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับทารกบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้ทารกจดจำเสียงได้ดีขึ้น

อาหารบำรุงครรภ์ที่แนะนำ

ช่วงนี้คุณแม่จะหิวบ่อยขึ้น ทำให้ทานอาหารเยอะ น้ำหนักจึงเพิ่มตามไปด้วย ส่วนทารกเองก็ต้องการสารอาหารมากขึ้นด้วย เพื่อนำไปพัฒนาระบบต่างๆ ภายในร่างกาย รวมถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน ดังนั้นคุณแม่จำเป็นต้องเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอาหารบำรุงครรภ์ที่แนะนำในช่วงนี้อายุครรภ์ 6 เดือน มีดังต่อไปนี้

1.ไขมัน

เพื่อเสริมสร้างพละกำลังในช่วงตั้งครรภ์ และกระตุ้นพัฒนาการเด็กในครรภ์ การได้รับไขมันอย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณแม่มีเรี่ยวแรงมากขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังมีส่วนช่วยให้ระบบดูดซึมอาหารและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ทำให้ทารกขับถ่ายของเสียออกมาทางลำไส้ใหญ่ได้อย่างปกติ ส่วนคุณแม่ที่มักท้องผูก การกินไขมันที่เพียงพอจะช่วยให้อาการดีขึ้น ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันนั้น ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา ธัญพืช เห็ด ถั่วและงา เป็นต้น

2.ไฟเบอร์

เมื่อคุณแม่ท้องโตขึ้น มดลูกจะไปเบียดบังกระเพาะอาหารและลำไส้มากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดอาการท้องผูก ดังนั้นคุณแม่จึงควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ซึ่งไฟเบอร์นั้นสามารถพบได้ในอาหารเหล่านี้ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต อะโวคาโด บร็อคโคลี่ ถั่วลันเตา ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น นอกจากนี้การกินอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์นั้น ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณแม่มีน้ำหนักส่วนเกิน  รวมทั้งป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานอีกด้วย

3.โปรตีน

โปรตีนช่วยเสริมสร้างเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายและเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน ดังนั้นคุณจำเป็นต้องได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ สำหรับโปรตีนนั้น หาได้ง่ายในเนื้อสัตว์ แต่คุณแม่ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดหนัง และไม่มีมัน เช่น เนื้อส่วนหน้าอก เนื้อปลา ไข่ ถั่ว เต้าหู้ เป็นต้น

4.ธาตุเหล็ก

เพื่อป้องกันโรคโลหิตจางที่มักพบได้บ่อยๆ ในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ คุณแม่ควรเลือกทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก ซึ่งพบได้มากในเนื้อสัตว์สีแดง เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเล โดยคุณแม่ควรกินควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น บร็อคโคลี มะเขือเทศ ส้ม ฝรั่ง เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

5.วิตามินบี 2

วิตามินบี 2 นั้นมีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ระบบประสาทของทารกในครรภ์กำลังเริ่มทำงาน ซึ่งวิตามินบี 2 จะช่วยเสริมสร้างระบบประสาทส่วนกลาง ระบบประสาทส่วนปลาย และพัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน รวมทั้งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงที่สำคัญ โดยคุณแม่สามารถเลือกกินอาหารที่มีวิตามินบี 2ได้จากอาหารเหล่านี้ เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ เนื้อวัว ไข่ ปลาซาร์ดีน ปลากะพง ปู กุ้ง นม ไข่ และชีส เป็นต้น

6.น้ำเปล่า

ในร่างกายนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 70-80% โดยคนทั่วไปควรกินน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำมากกว่า 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ซึ่งน้ำนั้น มีส่วนช่วยให้คุณแม่มีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สดใสอีกด้วย โดยคุณแม่ควรเลือกกินน้ำเปล่า เพราะดีที่สุดต่อร่างกาย และดีต่อพัฒนาการเด็กในครรภ์ด้วย

คำแนะนำสำหรับคนท้อง 6 เดือน

ในช่วงสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้น ทั้งอาหารการกิน รวมทั้งต้องสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งมีคำแนะนำสำหรับคนท้อง 6 เดือน ดังต่อไปนี้

1.อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

Sponsored

คุณแม่ไม่ควรกินอาหารสุกๆ ดิบๆ เพราะเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุกอาจมีเชื้อแบคทีเรีย ที่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ เช่น ปลาดิบที่อาจมีสารพิษและพยาธิ รวมทั้งอาหารที่มีรสชาติเผ็ดที่ส่งผลต่อระบบการย่อย ทำให้ย่อยยาก และคุณแม่อาจปวดท้องได้

2.ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

ในช่วงที่ระบบประสาทต่างๆ ของทารกในครรภ์กำลังพัฒนา คุณแม่ต้องระวังการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์มีผลทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ระดับสติปัญญาของทารกบกพร่อง รวมทั้งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติและทำให้ทารกเป็นสมาธิสั้นได้ ซึ่งไม่ดีต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน นอกจากนี้ก็ควรงดสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ เพราะสารนิโคตินมีผลต่อระบบประสาททำให้พัฒนาการต่างๆ ของทารกผิดปกติได้เช่นกัน

3.รับมือกับอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ในช่วงที่ร่างกายต้องรับน้ำหนักมากขึ้น คุณแม่ต้องเผชิญกับอาการต่างๆ เช่น เป็นตะคริว ปวดหลัง ปวดชายโครง และเสียดท้องได้ ดังนั้น คุณแม่ต้องระวังการเคลื่อนไหวร่างกาย ทั้งการลุกนั่งควรทำอย่างช้าๆ และหมั่นออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินช้าๆ ว่ายน้ำ และกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย

4.ระวังโรคแทรกซ้อน

ในช่วงเดือนนี้คุณแม่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ภาวะเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด ริดสีดวงทวาร ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีโรคประจำตัว ควรดูแลสุขภาพ อาหารการกิน และหมั่นไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

เพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือนที่ดี คุณแม่ต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ทารกมีพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์นี่เอง

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่ https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about growing up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ตั้งครรภ์ท้องอืด ปัญหาที่แม่ท้องมักจะต้องเจอบ่อยๆ

2.การตั้งครรภ์ กับการดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ที่ไม่ควรมองข้าม