เมื่อตั้งครรภ์มาถึงเดือนที่ 5 ร่างกายของคุณแม่ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดท้องที่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรืออาการแปลกๆ ที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างเช่น ปวดหลัง นอนไม่หลับ ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่แล้ว พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน จะเป็นอย่างไรบ้างนะ วันนี้เราจะมาบอกให้คุณแม่ได้รู้กันค่ะ พร้อมคำแนะนำดีๆ ที่ไม่ควรพลาด

พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน เป็นอย่างไร

ทารกในครรภ์ช่วง 5 เดือน จะมีพัฒนาการเป็นแบบไหนบ้าง อยากรู้ต้องมาดูกันเลยค่ะ

1. ขนาดของทารกเท่าผลมะละกอ โดยมีความยาวจากศีรษะ ถึงปลายเท้า ประมาณ 25 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัว 300 กรัม

2. ผมเริ่มงอก โดยมีเส้นผมอ่อนๆ เกิดขึ้นทั่วหนังศีรษะ ดวงตายังปิดอยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะปิดเปลือกตาแต่ก็ยังมีความไวต่อแสง หากคุณแม่เล่นกับลูกโดยการส่องไฟลูกก็จะมองเห็นได้

3. เริ่มดิ้นได้แล้ว รวมถึงการยืดตัวและหมุนตัวไปมาในท้องจนคุณแม่รู้สึกได้เองว่าลูกมีอาการดิ้นแล้ว นอกจากนี้คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าลูกถีบขาเป็นระยะ โดยเฉพาะขณะที่นอนหลับ จะรู้สึกได้ชัดมากขึ้น

4. พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน  สามารถแยกรสหวานและรสขมได้แล้ว เนื่องจากร่างกายได้พัฒนาปุ่มรับรสมาตั้งแต่เดือนที่ 4 เมื่อทารกได้ 5 เดือนจึงสามารถแยกรสชาติต่างๆ ได้นั่นเอง

อาหารบำรุงครรภ์ที่แนะนำ

คุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงเดือนที่ 5 ควรกินอาหารแบบไหนถึงจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงดี และเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือนได้ ขอแนะนำนี่เลย

1.ผลไม้

ผลไม้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงเดือนที่ 5 เพราะจะช่วยให้มีสุขภาพดี ช่วยบำรุงผิวของคุณแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้ผลไม้ยังทำให้ได้รับเกลือแร่และวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นต่อพัฒนาการทารก 5 เดือน อย่างครบถ้วน ซึ่งมีส่วนในการนำพาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ได้ดี สำหรับผลไม้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์วัย 5 เดือนควรกินเป็นประจำทุกวันมีดังนี้ แอปเปิ้ลส้ม กล้วย สตอเบอรี่ ลูกแพร และกีวี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และรักษาระดับเกลือแร่ให้สมดุล พร้อมกับป้องกันการเจ็บป่วยได้ด้วย

2.คาร์โบไฮเดรต

อาหารประเภทคาโบไฮเดรตที่คุณแม่ควรกินคือ ข้าวกล้อง มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทอง ข้าวโพด รวมถึงขนมปังโฮลวีท ซึ่งอาหารเหล่านี้เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ 5 เดือน เนื่องจากมีเส้นใยสูง จำเป็นต่อระบบขับถ่ายของคุณแม่ ซึ่งลำไส้เริ่มถูกเบียดจากการขยายตัวของมดลูก จึงช่วยลดปัญหาท้องผูกได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยในการเติบโตและพัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือนเช่นกัน

3.โปรตีน

อาหารประเภทโปรตีนยังมีความจำเป็นต่อการตั้งครรภ์ทุกไตรมาส อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโปรตีนมีส่วนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ซึ่งในคุณแม่ตั้งครรภ์ โปรตีนจะถูกนำไปสร้างอวัยวะสำคัญต่างๆ ของทารกให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงครบถ้วน โดยแหล่งโปรตีนที่คุณแม่ควรกินคือ เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เนื้อปลา สำหรับผู้ที่กินเนื้อสัตว์ได้น้อยสามารถสลับกับเต้าหู้ ไข่ไก่ และไข่เป็ดได้เลย

4.อาหารที่มีวิตามินบี 1

คนท้องอาจมีอาการเหน็บชาเกิดขึ้นได้ เนื่องจากทารกได้ดึงสารอาหารและวิตามินไปสร้างร่างกาย จึงทำให้คนท้องบางคนมีอาการเหน็บชา และเป็นตะคริวได้ง่าย จึงจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีวิตามินบี 1อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังช่วยเสริมพัฒนาการทารก 5 เดือนด้วย ซึ่งอาหารที่มีวิตามินบี1 ประกอบด้วยธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเหลือง งาดำ งาขาว ข้าวกล้องทั้งแบบแห้งและข้าวกล้องเพาะงอก ซึ่งมีสารกาบา ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองเพิ่มขึ้นด้วย

5.อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี

ธาตุสังกะสีมีความจำเป็นต่อคนท้อง เพราะช่วงนี้ทารกเริ่มมีการสร้างเส้นผม และหนังศีรษะ เล็บมือเล็บเท้าเริ่มงอกออกมาแล้ว คุณแม่ที่กินอาหารที่มีธาตุสังกะสีผสมอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายทารกสามารถดึงมาใช้ได้อย่างพอเพียง อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาคุณแม่คลอดก่อนกำหนดได้อีกด้วย โดยอาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ เมล็ดฟักทอง ถั่วแดง ถั่วลูกไก่ เห็ด คะน้า หน่อไม้ฝรั่ง หอยนางรม กุ้ง ปลาซาดีน และปลาแซลมอน

คำแนะนำสำหรับคนท้อง 5 เดือน

เมื่ออายุครรภ์ได้ย่างเข้ามาถึงเดือนที่ 5 แล้ว การรอคอยที่จะได้พบกับลูกน้อยเหลืออีกไม่นาน คุณแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด โดยมีคำแนะนำที่เราอยากบอกคุณแม่ เพื่อสุขภาพครรภ์และพัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือนที่ดีดังนี้

1.ไปพบคุณหมอตามนัด

หลังฝากครรภ์มาได้ระยะหนึ่งแล้วคุณหมอจะนัดเพื่อตรวจครรภ์เป็นประจำทุกเดือน คุณแม่ที่ท้อง 5 เดือนจะต้องไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรม รวมถึงการทำอัลตร้าซาวน์เพื่อตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ว่ามีความสมบูรณ์เพียงใด

Sponsored

2.ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

เพราะน้ำจะช่วยให้สารอาหารถูกส่งไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ และป้องกันริดสีดวงทวารได้ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำในแต่ละวันให้เพียงพอด้วย อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วนั่นเอง

3.ควรนอนท่าตะแคง

ช่วงนี้ท้องคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น การนอนหงายอาจทำให้เกิดการกดทับเส้นเลือดใหญ่บริเวณหลังจนทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้น้อยลง การนอนตะแคงจึงช่วยลดการกดทับเส้นเลือดใหญ่ได้ดี และช่วยลดความเสี่ยงของการที่ทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้อีกด้วย

4.สวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี

เสื้อผ้าที่คุณแม่สวมใส่ควรเป็นผ้าฝ้าย จะช่วยระบายความร้อนได้ดี คุณแม่ที่ใส่เสื้อผ้าชนิดอื่นเมื่ออากาศร้อนอาจทำให้อารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย และอาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ด้วย

5.ทาครีมที่หน้าท้อง

เมื่อท้องใหญ่ขึ้น ผิวหนังบริเวณหน้าท้องมีการขยายตัว ควรทาครีมเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและช่วยลดการเกิดปัญหาท้องลาย รวมถึงลดอาการคันผิวหนังได้ดี

6.ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก

คุณแม่ขณะตั้งครรภ์ระดับฮอร์โมนอาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดในร่างกาย จึงทำให้เกิดมีปัญหาเหงือกบวมหรือมีเลือดออกตามไรฟันได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องปาก และการก่อตัวของคราบพลัคสะสมที่ฟันจนทำให้ฟันผุได้ ดังนั้นจึงควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากนั่นเอง

พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน มีอวัยวะหลายอย่างได้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การดูแลให้ทารกมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นกับตัวคุณแม่ที่ใส่ใจในอาหาร และการดูแลตนเองด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย หากทำได้ตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว ทั้งทารกและตัวคุณแม่จะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงแน่นอนค่ะ

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่ https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about growing up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.ตั้งครรภ์ท้องอืด ปัญหาที่แม่ท้องมักจะต้องเจอบ่อยๆ

2.การตั้งครรภ์ กับการดูแลจุดซ่อนเร้นตอนท้อง ที่ไม่ควรมองข้าม