ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีอาการแปลกๆ ตามมามากมาย สำหรับคุณแม่ท้องสอง หรือท้องหลังๆ ก็จะไม่ค่อยกังวลมากนัก แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยว่าอาการเหล่านั้นคืออะไร ปกติหรือไม่ ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวม 20 อาการของคนตั้งครรภ์ ที่คุณแม่ต้องเจอมาอธิบายให้ฟังกันแล้ว ได้แก่
20 อาการของคนตั้งครรภ์ ที่พบได้บ่อยๆ
สำหรับอาการที่พบบ่อยมากในคนท้อง ก็มีดังต่อไปนี้
1.อาการแพ้ท้อง
คุณแม่หลายท่านอาจมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีอาการวิงเวียนศีรษะประกอบเข้ามาด้วย พบได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์เดือนแรก และจะค่อยๆ หายได้เองเมื่อมีอายุครรภ์ที่มากขึ้น สาเหตุที่เกิดขึ้นยังไม่แน่นอน แต่เชื่อกันว่าเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน HCG ซึ่งช่วงนี้จะต้องเข้มงวดในเรื่องของการรับประทานอาหารสักนิด โดยเน้นอาหารที่ไม่มีไขมัน ทานอาการในแต่ละมื้อให้น้อยลงแต่บ่อยครั้ง และควรดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ อย่างเช่น น้ำขิงด้วย
2.รู้สึกอ่อนเพลียเมื่อยล้า
เป็นอาการของคนตั้งครรภ์ที่เกิดจากการเพิ่มของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน บวกกับการขาดน้ำ ขาดการออกกำลังกาย มีภาวะโลหิตจาง ความเครียด หรือวิตกกังวล ก็ล้วนเป็นสาเหตุทำให้อ่อนเพลียได้ทั้งสิ้น โดยแนะนำให้คุณแม่พักผ่อนให้มากๆ อย่าทำงานหักโหมจนเกินไป และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็จะช่วยลดอาการอ่อนเพลียเมื่อยล้าได้แล้ว
3.อารมณ์แปรปรวน
มีสาเหตุมาจากความไม่สบายต่างๆ จนก่อให้เกิดความเครียด ทำให้มีอาการอื่นๆ ทางอารมณ์ออกมาร่วมด้วย เช่น น้อยใจ วิตกกังวล หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
4.อาการปวดศีรษะ
ปวดศีรษะเป็นอาการของคนตั้งครรภ์ที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมน การที่คุณแม่ขาดน้ำแบบกระทันหัน ความหิว และความอ่อนเพลีย เป็นต้น โดยเบื้องต้นแพทย์จะแนะนำให้มีการนวดคอด้านข้าง กับรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการได้ดี
5.หายใจไม่สะดวก
หายใจไม่สะดวกเกิดจากฮอร์โมนทำให้กล้ามเนื้ออกหย่อนตัวลงเพื่อขยายหลอดลม ในการผลิตเลือดให้ปอดเพิ่มขึ้น แต่ไม่เป็นอันตราย
6.อาการใจสั่น และเป็นลม
ใจสั่น จะเป็นลม คืออาการของคนตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น การนอนหลับแล้วมดลูกไปกดทับเส้นเลือด หรือการเปลี่ยนแปลงท่าทางเร็วเกินไป โดยแนะนำให้คุณแม่ค่อยๆ เปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ และเวลานอนให้นอนตะแคงซ้าย เพื่อไม่ให้มดลูกไปกดทับหลอดเลือดใหญ่นั่นเอง
7.มีความอยากอาหารบางอย่างมาก
มีสาเหตุมาจากลูกน้อยในท้องที่กำลังเจริญเติบโต จึงต้องการสารอาหารที่มากขึ้น ก่อให้เกิดความอยากอาหารบางจำพวกได้ ซึ่งคุณแม่จะต้องทานให้บ่อยขึ้น แต่ถ้าต้องการทานอาหารที่แปลกแนะนำให้ปรึษานักโภชนาการก่อนว่าทานได้หรือไม่
8.มีน้ำลายมาก
การมีน้ำลายมากกว่าปกติเป็นอาการของคนตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น ในการจัดการกับปัญหาในจุดนี้แนะนำให้คุณแม่ทานอาหารน้อยๆ แต่บ่อยกว่าเดิม จะช่วยลดปัญหานี้ได้ดี
9.เหงือกอักเสบ
สาเหตุมาจากการกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้มีเลือดคั่งมากขึ้น โดยช่วงนี้หากมีเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันก็จะก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งหากพบว่าเหงือกอักเสบควรไปพบแพทย์ก่อนดีกว่า
10.มีอาการเรอเปรี้ยว ควบคู่ไปกับแสบร้อนยอดอก
พบได้ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ 2-12 สัปดาห์ เนื่องด้วยฮอร์โมนโปรโจสเตอโรน ได้เข้าไปลดการทำงานของระบบย่อย กรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร ส่งผลให้คุณแม่แสบบริเวณยอดอกและรู้สึกร้อนบริเวณคอนั่นเอง
11.การผายลม
เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนก่อให้กล้ามเนื้อเกิดการหย่อนตัว อาหารและของเสียจึงไหลผ่านระบบช้าลง ทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารได้ หรืออีกกรณีคือการที่คุณแม่กลืนลมเข้าสู่กระเพาะอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีอาการคลื่นไส้ จุกเสียด แน่นท้อง และทำให้เกิดการผายลมบ่อยได้เช่นกัน
12.อาการท้องผูก
อาการของคนตั้งครรภ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวช้าลง เพราะมดลูกที่ขยายใหญ่เข้าไปกดทับลำไส้ทำให้อุจจาระผ่านไปได้ยาก อุจจาระที่ค้างอยู่นานก็จะถูกดูดน้ำออกไป จนมีอาการท้องผูก ถ่ายยากนั่นเอง
13.ริดสีดวงทวาร
พบบ่อยมากกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 4-6 เดือน สาเหตุมาจากการเพิ่มของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และจากมดลูกที่โตขึ้นไปกดเส้นเลือดดำ ทำให้การไหลเวียนของเลือดที่บริเวณทวารหนักไม่ดี ความดันในเส้นเลือดเลยสูง จึงเกิดการโป่งพอง บวกกับอุจจาระที่แข็งทำให้เส้นเลือดที่โป่งพองฉีกขาดมีเลือดสดๆ ปนออกมาและเป็นริดสีดวงในที่สุด
14.มีอาการตกขาว
สำหรับอาการตกขาวจะพบกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือน มีลักษณะเป็นมูกขาวขุ่น มีกลิ่นเหม็นอ่อนๆ และอาจรู้สึกคันบริเวณช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งคุณแม่จะต้องทำความสะอาดอวัยวะเพศแล้วเช็ดให้แห้ง หากมีอาการคันหรือรู้สึกว่าผิดปกติ อย่างเช่น มีกลิ่นคล้ายเหม็นบูด ตกขาวมีสีเปลี่ยนไป จะต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
15.อาการปัสสาวะบ่อยขึ้น
เนื่องด้วยมดลูกขยายไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้มีความจุน้อยลง จึงทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณทางเดินปัสสาวะอีกด้วย
16.เวลาจามหรือไอ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
อาการของคนตั้งครรภ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะร่างกายมีการผลิตปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่ควบคุมได้ไม่ดี ประกอบกับมดลูกที่เบียดกระเพาะปัสสาวะอยู่ เวลาไอหรือจามจึงอาจมีปัสสาวะเล็ดออกมาได้ ทั้งนี้แนะนำให้ขมิบช่องคลอด 50 ครั้งต่อวันจะช่วยได้มากทีเดียว
17.เส้นเลือดขอด
เส้นเลือดขอดมักจะพบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยพบบริเวณตาตุ่ม สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดทำงานไม่ดี เลือดไหลเวียนไปยังส่วนล่างของร่างกายได้ไม่ค่อยดีนัก จึงเกิดเส้นเลือดขอดนั่นเอง
18.อาการเจ็บที่กระดูกใต้อก
การขยายตัวของมดลูกขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลให้มดลูกไปกดทับกระดูก จึงอาจมีอาการเจ็บปวดขึ้นมาได้ แต่ไม่รุนแรงมากนัก
19.ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน
เกิดจากข้อต่อกระดูกมีความอ่อนตัว หย่อนยานลง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด สำหรับอาการเจ็บแปลบๆ นั้นอาจมาจากการที่ลูกน้อยดิ้นไปชนกับกระเพาะปัสสาวะที่เต็มอยู่ก็ได้
20.อาการปวดท้อง
เนื่องจากข้อต่อที่รองรับมดลูกมีการยืดตัวออกเพื่อรองรับเจ้าตัวน้อย จึงทำให้คุณแม่รู้สึกปวดท้องได้ แต่ทั้งนี้หากปวดรุนแรง ร่วมกับมีเลือดออก ควรไปพบแพทย์ทันที
คลายความวิตกกังวลไปแล้วนะคะ สำหรับอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งมีทั้งอาการที่ปกติและผิดปกติ ดังนั้นหากมีอาการอะไรที่สงสัยว่าจะเป็นอันตราย ก็ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาโดยด่วนนั่นเอง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..
