เรื่องของทารกไม่คิดว่าจะมีความลับอะไรแอบแฝงอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีบางสิ่งบางอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ว่าเด็กทารกมีความสามารถพิเศษหลายอย่างด้วย ดังนั้นเรามาดูกันว่าเรื่องน่าทึ่งของทารกนั้นมีอะไรบ้าง โดยมี 10 เรื่องดังนี้
10 เรื่องน่าทึ่ง ของทารกตัวน้อย
สำหรับเรื่องน่าทึ่งของทารกตัวน้อยจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย
1.เต้นได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง
เด็กทารกสามารถเต้นตามจังหวะเสียงเพลงได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง คุณแม่ลองสังเกตว่า เมื่อใดที่เอาไมโครโฟนมาแตะที่ท้อง ลูกจะขยับแขน ขาไปมาจนท้องแม่ปูดโปน หรือบางครั้งเตะจนแม่สะดุ้ง ครั้นคลอเออกมาแล้ว ก็ยังเห็นได้ชัดว่าลูกเต้นได้ โดยเฉพาะช่วงนี้จับให้ลูกยืนขึ้น ลูกจะพยายามขยับขาไปมาจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน
2.พร้อมดำน้ำ
ความสามารถพิเศษในการดำน้ำก็ต้องยกให้ทารกวัยแรกเกิดถึง 4 เดือน เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษที่ธรรมชาติสร้างให้มากับทารกทุกคน ร่างกายทารกจะถูกปรับแบบอัตโนมัติเมื่ออยู่ในน้ำ จึงทำหายใจอยู่ในน้ำได้โดยใช้ออกซิเจนเพียงเล็กน้อย และหัวใจเต้นช้าลงกว่าเดิมจคงทำให้ทารกกลั้นหายใจได้นานขึ้น นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่าขณะทารกดูดนมแม่ กลืนลงคอ และหายใจไปได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่มีการสำลักน้ำนมแต่อย่างใดนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ติดตัวลูกน้อยมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ สำหรับคุณแม่ที่จะให้ลูกเรียนดำน้ำ ว่ายน้ำ ก็ต้องรีบนำลูกไปเรียนก่อนลูกน้อยอายุครบ 6 เดือนนะคะ
3.มีกระดูกมากถึง 300 ชิ้น
เคยได้ยินกันบ้างมั้ยคะว่าเด็กตกจากที่สูงกระดูกไม่หัก สาเหตุเพราะมีจำนวนกระดูกมากถึง300ชิ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะกระดูกเหล่านี้กำลังเจริญเติยโตไปพร้อมกับตัวทารก เมื่อเด็กทารกโตขึ้น การเชื่อมต่อของกระดูกข้อต่อต่างๆ หลายส่วนได้เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกันนั่นเอง
4.ยิ้มได้ตั้งแต่แรกเกิด
เด็กน้อยคลอดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ครั้งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ได้พบหน้าลูกหลังจากคลอดออกมาแล้ว คือลูกน้อยนอนหลับตาพริ้ม พร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารักเป็นความพิเศษและเสน่ห์ที่ใครพบเห็นก็ต้องหลงใหลในความน่ารัก ซึ่งลูกมนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่เกิดมาแล้วยิ้มได้ นับว่าเป็นของขวัญพิเศษสุดที่ทำให้ผู้พบเห็นแล้วต้องเกิดความรักใคร่เมตตา
5.ทารกยังไม่มีสะบ้าเข่า
ทารกในช่วงวัยแรกเกิดยังไม่มีสะบ้าหัวเข่า การเลี้ยงดูลูกจึงต้องระมัดระวังไม่จับลูกยืนนานๆ เพราะอาจทำให้การพัฒนาของกระดูกสะบ้าคลาดเคลื่อนได้ โดยปกติกระดูกสะบ้าที่อยู่ใต้เข้า จะค่อยๆ เปลี่ยนจากกระดูกอ่อน ไปเป็นกระดูกสะบ้าที่แข็งแรงเมื่อลูกอายุได้3-5 ปี จะเห็นได้ว่าช่วงนี้ เด็กจะเดินและวิ่งได้เก่งขึ้น
6.ปัสสาวะบ่อยถึงมากถึง 3360 ครั้ง
ในขวบปีแรกทารกจะขับปัสสาวะวันละหลายๆ ครั้งเนื่องจากขนาดของกระเพาะปัสสาวะยังมีขนาดเล็ก จึงทำให้ทารกมีการขับถ่ายปัสสาวะวันละหลายครั้ง ในเด็กบางรายที่ใช้ผ้าอ้อมผ้าอาจจะใช้จนผ้าอ้อมหมดตะกร้า ไม่พอใช้กันเลยทีเดียว ยังดีที่ปัจจุบันนี้มีผ้าอ้อมสำเร็จรูปจำหน่าย จึงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เบาแรงในการซักผ้าอ้อมลงไปได้ เมื่อนับจำนวนการขับปัสสาวะของลูกรวมกันทั้งปีจึงมีจำนวนมากถึงหลักหลายพันครั้งนั่นเอง
7.สีแดงคือสีที่ทารกมองเห็นครั้งแรก
วัยทารกแรกคลอดยังมองเห็นสีสันได้หรือไม่นั้นยังไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่จากการทดลองใช้ของเล่น โมบาย หรือตุ๊กตาที่มีสีแดง มาไว้ใกล้สายตาลูก สามารถทำให้ลูกน้อยมีการมองตามสิ่งของที่มีสีแดงเหล่านั้นจนสุดสายตา ก็ย่อมแสดงว่าการกระตุ้นทารกวัย2-3 เดือนด้วยของเล่นที่มีสีแดง จะช่วยให้การมองเห็นของลูกพัฒนาได้ดีขึ้น อีกทั้งจัดว่าสีแดงเป็นสีแรกที่ลูกมองเห็น ส่วนสีที่ลูกแยกสีได้ช้าสุดคือโทนสีฟ้า และสีม่วง
8.โตเร็วและสูงขึ้น1-1.5 ซม.ในแต่ละเดือน
การเจริญเติบโตของทารกจะอาศัยช่วงเวลานอนหลับสนิทร่างกายจึงมีการสร้างขยายส่วนเนี้อเยื่อ กระดูก และกล้ามเนื้อ เด็กที่กินอิ่ม นอนหลับจึงทำให้มีการเจริญเติบโตได้ดีสมวัย โดยส่วนใหญ่เด็กจะมีน้ำหนักมากขึ้น 2-3ของตอนคลอด ในช่วงขวบปีแรก ส่วนความสูงจะสูงขึ้นในขวบปีแรกประมาณ 10-12 เซนติเมตร
9.ทารกแรกเกิดไม่มีน้ำตา
เมื่อลูกน้อยร้องไห้จะสังเกตได้ว่าไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลยสักหยด เนื่องจากต่อมน้ำตาของลูกยังทำงานได้ไม่สมบรูณ์นัก อาจจะมีผลิตออกมาบางก็เพียงเล็กน้อย เมื่อลูกอายุได้ 4 เดือนไปแล้วถึงจะมีน้ำาตาออกมาเวลาร้องไห้
10.กระเพาะมีขนาดเท่าลูกเชอรี่
คุณแม่บางคนเคยให้นมทารกแรกเกิด แล้วลูกดูดนมไปเพียงแค่ 2-3 ครั้งลูกก็หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว คุณแม่หลายคนพยายามกระตุุ้นโดยแตะแก้มเบา ๆ เพื่อให้ลูกตื่นมาดูดนมต่อ แท้จริงแล้ว เพราะกระเพาะอาหารของลูกมีขนาดเล็กจึงทำให้ลูกกินนมได้เพียงเล็กน้อยก็อิ่มแล้ว
11.เส้นผมที่งอกตอนอยู่ในท้องจะทยอยร่วงหมดหลังคลอด
คุณแม่ไม่ต้องกังวลถึงเส้นผมของทารกที่ คลอดออกมาวันแรกผมดำเต็มศีรษะ หรือบางคนผมบางแทบมองไม่เห็นเส้นผม เพราะอีก3-4 เดือนข้างผมก็จะทยอยร่วง และมีเส้นผมใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่
12.รู้จักรสชาติแค่ความหวานกับเปรี้ยวเท่านั้น
เด็กที่โตในวัยที่พอจะให้อาหารเสริมได้แล้ว การทำอาหารคุณแม่ไม่ควรปรุงแต่งรสชาติใดให้แก่ลูกอีกนะคะ โดยเฉพาะรสเค็ม เพราะรสอาหารธรรมชาติมีประโยชน์ต่อลูกที่สุดแล้ว ส่วนการจำแนกรสอาหารเด็กจะรู้จักรสหวาน กับรสเปรี้ยวเท่านั้น เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆรู้จักรสต่างๆมากขึ้น
เด็กตัวเล็กๆ ที่น่าตาบ๋องแบ๋ว น่ารักน่าเอ็นดู แสดงออกในยามอารมณ์ด้วยการยิ้มร่า หรือหัวเราะอย่างสนุกสนาน เป็นการแสดงออกว่าลูกมีความสุข แต่ในยามที่ลูกไม่ถูกใจ ไม่สบายใจก็จะแสดงอาการหงุดหงิด ร้องไห้โยเย ทั้งยามสุขและยามไม่สบายลูกก็แสดงภาษากายมาให้พ่อแม่รับรู้ แต่แท้จริงแล้วหากคุณต่อคุณแม่เฝ้ามองลูกทุกการกระทำอย่างใกล้ชิดและเข้าใจ จะทำให้มองเห็นภาษาใจที่ลูกน้อยต้องการสื่อสาร และเข้าใจลูกน้อยมากที่สุดนั่นเอง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..