ความเข้าใจผิดของคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่หลังคลอดเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้ ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันดีกว่า ซึ่งวันนี้เราก็ได้ยกตัวอย่างมา 10 เรื่องที่คุณแม่มักจะเข้าใจผิดมาบอกกันดังนี้
รวมเรื่องที่แม่ท้อง และแม่หลังคลอดมักจะเข้าใจผิด
สำหรับเรื่องที่คุณแม่มักจะเข้าใจผิดมีอะไรบ้าง ก็ต้องมาดูกันเลยกับ 10 เรื่องดังต่อไปนี้
1.ฝากครรภ์เมื่ออายุครรภ์ได้ 4-5 เดือน หรือเมื่อคุณแม่รู้สึกว่าเด็กเริ่มดิ้น
การที่คุณแม่เข้าใจผิดเรื่องนี้จะทำให้เกิดผลเสียได้ ซึ่งที่ถูกต้องคือการฝากครรภ์ควรจะรีบไปฝากทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แน่นอนแล้ว โดยให้สังเกตอาการ เช่น ประจำเดือนขาด 1-2 เดือน ซึ่งการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้แพทย์ได้ตรวจสุขภาพของคุณแม่ และได้ทราบถึงปัญหาต่อการตั้งครรภ์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากมีโรคแทรกซ้อนก็สามารถรักษาได้ทันท่วงที โดยคุณแม่สามารถไปฝากครรภ์ได้ทั้งที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน และคลินิกได้เลย
2.เด็กดิ้นมาก จะคลอดเป็นเด็กผู้ชาย
แท้จริงแล้วการที่เด็กดิ้นมาก ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นได้ทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชายขึ้นอยู่กับสภาวะของเด็ก โดยปกติทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 4 ถึง 5 และจะดิ้นมากขึ้นหากคุณแม่ทำงานเหนื่อย อ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย ซึ่งการที่คุณแม่มีร่างกายอ่อนเพลียก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทารกในครรภ์ดิ้นมากกว่าปกติ
3.คนท้องไม่ควรกินไข่ และอาหารที่มีไขมัน จะทำให้คลอดยากและทารกมีไขตามตัว
แท้จริงแล้วการกินไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์อย่างหนึ่ง ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ฟองเพื่อจะได้รับสารอาหารครบถ้วน เนื่องจากไข่มีเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ มีเกลือแร่และวิตามินครบถ้วน เหมาะที่จะบำรุงครรภ์ไม่ให้คุณแม่ขาดสารอาหาร ส่วนสาเหตุที่คิดว่าทำให้ไขมันเกาะตัวเด็กและคลอดยากนั้นก็ไม่เกี่ยวกับอาหาร อาจจะมีส่วนบ้างในกรณีที่คุณแม่กินอาหารประเภทไขมันชนิดอื่นจนเด็กมีน้ำหนักตัวเกิน และอาจจะทำให้เกิดการคลอดได้ยาก
4.คนท้องควรกินน้ำและอาหารเล็กน้อย เลี่ยงขนม นม กล้วยน้ำว้า เพราะทารกจะอ้วน คลอดยาก
แท้จริงคือหญิงตั้งครรภ์ควรกินอาหารเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะโปรตีนจากนม ซึ่งมีสารอาหารครบถ้วนรวมทั้งแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ควรกินผลไม้เพื่อให้ได้วิตามินและเกลือแร่ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าซึ่งมีธาตุอาหารสำคัญอยู่มาก คุณแม่กินแล้วจะทำให้สุขภาพแข็งแรง แต่หากว่ากินอาหารในปริมาณที่มากเกินไปก็จะทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน และเด็กทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการคลอดยากได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการกินในปริมาณที่พอเหมาะ จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่อันตรายแต่อย่างใด
5.แม่หลังคลอดห้ามกินผักบางชนิด เช่น ตำลึง ฟักทอง เพราะจะทำให้มดลูกทะลักออกมา
ข้อเท็จจริงคือ ไม่เป็นความจริง อาหารอย่างตำลึงและฟักทอง เป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา มีสารต้านอนุมูลอิสระ แม่หลังคลอดกินแล้วทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เกี่ยวกับการที่มีมดลูกทะลักออกมา สาเหตุที่มดลูกทะลักเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การยกของหนัก การนั่งยองๆ เป็นเวลานานในช่วงหลังคลอด รวมถึงการไอหรือจามอย่างรุนแรง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มดลูกหย่อนคล้อย หรือถึงขั้นทะลักออกมาได้
6.หลังคลอดไม่ควรกินไข่ กับข้าวเหนียว จะทำให้แผลเป็นหนองได้
ข้อเท็จจริงคือ การกินข้าวเหนียวและไข่ไม่ได้ทำให้แผลเป็นหนองแต่อย่างใด ซึ่งแผลที่มีหนองอาจอาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือการดูแลสุขภาพให้ถูกสุขลักษณะ ประกอบกับหากเป็นช่วงหน้าร้อนร่างกายอาจจะมีความร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อกินข้าวเหนียวซึ่งมีฤทธิ์ร้อนก็อาจจะทำให้เกิดอาการร้อนใน หรือทำให้แผลอับชื้นจากที่ร่างกายร้อน เนื่องจากมีการขับเหงื่อออกมามากจนส่งผลให้แผลมีหนองได้ ส่วนการกินไข่หลังคลอด จะช่วยซ่อมแซมให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้หากกินมากเกินไปก็อาจทำให้แผลผ่าคลอดปูดขึ้นมาได้เหมือนกัน
7.แม่หลังคลอดต้องกินข้าวกับเกลือ ห้ามกินอย่างอื่น เช่น เนื้อสัตว์ ผักบางชนิด เพราะแสลงจะทำให้อ่อนเพลียได้
ข้อเท็จจริงคือ แม่ลูกอ่อนจำเป็นต้องกินอาหารครบ 5 หมู่โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ และผักต่างๆ เพื่อให้ได้เกลือแร่และวิตามินมาซ่อมแซมร่างกาย และนำไปผลิตน้ำนมมาเลี้ยงลูก หากกินอาหารไม่ครบก็อาจจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หรือขาดสารอาหารจนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้ รวมถึงอาการปวดเมื่อยต่างๆ ซึ่งสามารถแก้ได้โดยการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตก็จะได้รับวิตามินบีอย่างครบถ้วน ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัว และอาการเหน็บชาได้
8.สตรีหลังคลอดบุตรควรกินยาดองเหล้าช่วยขับน้ำคาวปลา น้ำคาวปลาออกมามากเท่าไหร่ยิ่งดี
ที่ถูกต้องคือแม่หลังคลอดไม่ควรกินยาเหล่านี้เด็ดขาด เพราะยาที่มีส่วนผสมของเหล้าซึ่งมีแอลกอฮอล์จะทำปฏิกิริยาให้เส้นเลือดขยายตัว จนทำให้เลือดออกจากแผลในโพรงมดลูก มากผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลให้คุณแม่เสียเลือดจนร่างกายอ่อนเพลีย หรือซีดได้ นอกจากนี้ยังทำให้แผลในมดลูกหายช้าอีกด้วย
9.หลังคลอดลูก ยังไม่ต้องอาบน้ำก่อน
ที่ถูกต้องคือ การรักษาความสะอาดช่วงหลังคลอดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะร่างกายมีการขับของเสียออกมาตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดการหมักหมมโอกาสที่เชื้อโรคจะเจริญเติบโตเป็นไปได้มาก ซึ่งหากหญิงตั้งครรภ์ไม่อาบน้ำก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณแผลได้ โดยอาจทำให้แผลเป็นหนองหรือแผลเย็บปริแตก และหายช้านั่นเอง
10.หลังคลอดลูก ห้ามลุกเดินเป็นเวลา 1 เดือน
ที่ถูกต้องคือ แม่หลังคลอดสามารถลุกขึ้นเดินสลับกับการนอนพักได้ โดยหลังคลอดปกติควรนอนพัก 8 ถึง 12 ชั่วโมง เมื่อพักจนร่างกายหายอ่อนเพลียแล้วก็สามารถลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ทำภารกิจของตัวเองได้ตามปกติ ซึ่งก็จะเป็นผลดีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการของโรคแทรกซ้อนหลังคลอดได้อีกด้วย
เรื่องบางอย่างฟังมาผิดๆ จนเข้าใจผิด และปฏิบัติตามกันมาก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ ดังนั้นสิ่งไหนที่ควรทำ ไม่ควรทำ ก็ควรพิจารณาดูถึงเหตุผลความเป็นไปได้ก่อนที่จะเชื่อใคร หรือหากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาจากแพทย์ที่ดูแลจะดีที่สุด เพื่อตัวของคุณแม่และลูกน้อยเอง
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/
We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook
https://www.facebook.com/teamkonthong/
บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..
1.เป็นริดสีดวงทวารหลังคลอด กินอาหารอะไรดี ช่วยให้หายเร็วขึ้น