การแปรงฟันจัดเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันที่คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มฝึกและแปรงฟันให้กับลูกน้อย เพื่อขจัดคราบเศษอาหารที่ลูกน้อยรับประทานเข้าไป หรือแม้แต่การขจัดคราบน้ำนมในช่องปากซึ่งจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดกลิ่นปากในลูกน้อยได้ และแน่นอนเมื่อคุณพ่อคุณแม่จะเริ่มกิจกรรมการแปรงฟันนี้กัน คุณพ่อคุณแม่ย่อมต้องเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกน้อยของตนไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟัน หรือยาสีฟัน ซึ่งก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมากกมายหลายชนิดในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน สำหรับบทความนี้เราจึงขอมาแนะนำยาสีฟันเด็ก 1 ขวบทั้งในส่วนของวิธีเลือกและตัวอย่างยี่ห้อยาสีฟันที่ได้รับการยอมรับว่าดีจริง จะมีอะไรบ้างนั้นต้องมาดูกันเลย
ยาสีฟันเด็ก 1 ขวบ เลือกอย่างไรดี
ยาสีฟันเด็กจัดเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในท้องตลาดค่อนข้างหลากหลาย สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจเกิดข้อคำถามและข้อสงสัยได้ว่าควรเลือกยาสีฟันเด็ก 1 ขวบแบบไหนดี หรือ มีข้อพิจารณาในการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง ในบทความนี้เราจึงขอสรุปข้อพิจารณาในการเลือกซื้อยาสีฟันเด็ก 1 ขวบ ดังนี้
- ยาสีฟันเด็กควรมีปริมาณฟลูออไรด์ในปริมาณที่เพียงพอ ในช่วง 1 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ให้แก่ลูกน้อยได้ตั้งแต่ปริมาณ 500 - 1,000 ppm ในส่วนนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องกลั้วหรือเช็คล้างคราบยาสีฟันให้หมดด้วย เพราะหากลูกน้อยเผลอกลืนลงไปก็จะทำให้ปวดท้องได้ ซึ่งนอกจากการเลือกปริมาณฟลูออไรด์แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกำหนดปริมาณของยาสีฟันเด็กที่ใช้ด้วย ในช่วงอายุ 1 ขวบนั้นก็ใช้เพียงเล็กน้อย (เศษเสี้ยวของเมล็ดถั่วเขียวก็เพียงพอแล้ว)
- ยาสีฟันด็ก 1 ขวบ ไม่ควรมีส่วนผสมของสารขัดฟันที่มากเกินไป เพราะในช่วงวัย 1 ขวบนี้ฟันของลูกน้อยยังขึ้นเพียงไม่กี่ซี่ แสดงว่าเมื่อคุณพ่อคุณแม่ช่วยแปรงฟันให้ลูกน้อยผงขัดเหล่านั้นก็จะไปโดนเหงือกทำให้ลูกน้อยเจ็บและกลัวการแปรงฟันก็เป็นได้
- ยาสีฟันเด็ก 1 ขวบ ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำตาล แต่สามารถมีส่วนผสมของสารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากน้ำตาลจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันผุในเด็กได้ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีน้ำตาลก็เหมือนกับการให้อมยิ้มหรือลูกอมลูกน้อยกินนั่นเอง
- ยาสีฟันที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้แก่ลูกน้อยไม่ควรมีสารเติมแต่งเกินความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นสารทำให้เกิดฟอง ในส่วนนี้ถ้ามีปริมาณที่มากเกินไปก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้ระยะเวลาในการล้างหรือกลั้วปากให้กับลูกน้อยมากกว่าปกติ อาจทำให้ลูกน้อยเกิดความเบื่อหน่ายแล้วนำไปสู่การไม่ชอบการแปรงฟันในที่สุด และอีกข้อหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบก็คือปริมาณฟองไม่ได้แปรผันตรงกับความสะอาด ซึ่งก็หมายความว่าปริมาณฟองที่มากไม่ได้หมายถึงยาสีฟันนั่นให้ความสะอาดที่มากนั่นเอง อาจเป็นเพราะความเคยชินว่าฟองมากคือสะอาดมากจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในรูปแบบอื่น ๆ มากกว่า
ยาสีฟันเด็ก 1 ขวบ ยี่ห้อไหนดีที่สุด
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบกันเบื้องต้นแล้วว่าการเลือกยาสีฟันให้แก่ลูกน้อยมีข้อพิจารณาเบื้องต้นอย่างไรบ้าง ถัดมาเราก็จะมาขอนะนำยาสีฟันเด็ก 1 ขวบในท้องตลาดที่นับว่าดีจัดว่าเด็ดสำหรับลูกน้อยกัน
- ยาสีฟันเด็กยี่ห้อ PIGEON ซึ่งจัดเป็นแบรนด์ที่เหล่าคุณพ่อคุณแม่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กในรูปแบบอื่น ๆ ทั้งจุกนม ทั้งขวดนม เป็นต้น และด้วยความเข้าใจในสรีระและลักษณะนิสัยของเด็ก PIGEON จึงออกแบบยาสีฟันเด็ก 1 ขวบมาในลักษณะแผ่นให้คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้งานได้ง่าย
- ยาสีฟันเด็กยี่ห้อ KODOMO อีกหนึ่งแบรนด์ในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ด้วยมาสคอตของแบรนด์ที่แทบจะยกมาทั้งสวนสัตว์ทั้งพี่สิงโต พี่หมี และพี่ยีราฟ ที่สำคัญเลยคือทางแบรนด์ออกแบบยาสีฟันมาในรูปแบบเจลใสหลากสีสันหลากรสชาติจึงช่วยดึงดูดใจเหล่าลูกน้อยให้หันมาสนุกสนานและรักการแปรงฟัน นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีส่วนผสมของฟลูออไรด์มาแบบจัดเต็มที่ 1,000 ppm กันอีกด้วย
- ยาสีฟันเด็กยี่ห้อ Oral-B ที่ออกแบบมาสำหรับเป็นยาสีฟันเด็ก 1 ขวบโดยเฉพาะด้วยการออกแบบในรูปแบบเจลสีฟ้าสดใส ร่วมด้วยกลิ่นสตอเบอร์รี่อีกหนึ่งกลิ่นที่คุ้นเคยของลูกน้อย ผสานผงขัดเนื้อละเอียดไม่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อเหงือกและฟัน พร้อมฟลูออไรด์ในปริมาณ 500 ppm และตัวหลอดที่ยกตัวการ์ตูนยอดนิยมอย่างมิกกี้เมาส์มาคอยโบกมือชักชวนลูกน้อยให้ไปแปรงฟันกัน
จากบทความข้างต้นคุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ว่ายาสีฟันเด็กหลากแบรนด์หลายญยี่ห้อได้ใช้สี กลิ่น รส รวมถึงรูปลักษณ์ต่าง ๆ มาช่วยดึงดูดใจลูกน้อยของคุณ คุณพ่อคุณแม่จึงมีหน้าที่ช่วยเสริมเติมลักษณะนิสัยรักการแปรงฟันให้กับลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านมักทำพลาดไปก็คือการแปรงฟันที่รุนแรงเกินไปจนทำให้ลูกน้อยเจ็บและไม่อยากแปรงอีก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการแปรงฟันให้แก่ลูกน้อย เพื่อให้ลูกน้อยมีความสนุก รักการแปรงฟันซึ่งจะนำไปสู่ลักษณะนิสัยที่ดีในอนาคตได้
= = = = = = = = = = = =
ติดตามความรู้ดี ๆ และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่